ช้างป่าแก่งกระจาน บุกอาละวาดหนักพังรถเก๋งที่จอดไว้หน้าบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านเสริมสวย ในหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียหายยับเยินชาวบ้านนักเที่ยวที่มาพักรีสอร์ทผวา พฤติกรรมเกเรดุร้ายอาละวาดหนักขึ้น วอนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ามาจัดการแก้ปัญหา และเยียวยาผู้เสียหาย
(วันที่ 10 ธันวาคม 60) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่อาศัยหากินอยู่ในพื้นที่ป่าละอู ออกมาหากิน และมีพฤติกรรมเกเร ออกอาละวาดหนักเพิ่มมากขึ้น ทำลายข้าวของและทรัพย์สินของชาวบ้านในตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อย่างต่อเนื่องโดยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ช้างป่าได้บุกไปทำลายรถยนต์เก๋งที่จอดไว้หน้าบ้านที่เปิดเป็นร้านเสริมสวย อยู่ริมถนนสาย หนองพลับ-ป่าละอู หมู่ 1 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย นางสุนันทา พิมพ์ไทย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่,ร้อยโทสุชาติ สุขสวัสดิ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจจงอางศึก นายมนูญ ทองแย้ม กำนันตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 156 หมู่ 1 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อยู่ตรงข้ามกับป้อมยาม สภ.หนองพลับ เป็นอาคารปูชั้นเดียวเปิดเป็นร้านเสริมสวยชื่อ นานาซาลอน ด้านหน้าต่อหลังคาออกมาเป็นที่จอดรถยนต์ มีรถยนต์จอดอยู่ 2 คัน โดยรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ฌร 9026 กรุงเทพมหานาคร อยู่ในสภาพเสียหายพังยับเยินตั้งแต่หลังคา ถึงกระโปรงท้าย จากการถูกช้างป่าบุกมาทำลายเมือช่วงกลางดึกที่ผ่านมา
ด้านนายสุวิท บุญช่วย อายุ 51 ปี เจ้าของรถเก๋ง เล่าว่า ตนทำงานอยู่ในตัวเมืองหัวหิน จะกลับบ้านทุกเย็นวันศุกร์ โดยทุกวันจะจอดรถไว้หน้าบ้านเช่นนี้ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาได้มีช้างป่า บุกเข้ามาทำลายรถยนต์จนเสียหาย ช่วงนั้นตนเองและครอบครัวหลับสนิท และเปิดทีวีทิ้งไว้ทำให้ไม่ได้ยินเสียง กระทั่งเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมยาม มาเรียกว่าเมื่อประมาณช่วงตีสามวันนี้รถยนต์ของตนถูกช้างขึ้นไปกระทืบเสียหาย ซึ่งทันทีที่เห็นรถ ตนและภรรยาถึงกับยืนอึ้ง จากนั้นภรรยาก็ร้องให้เนื่องจากเพิ่งเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงซื้อรถผ่อนต่อจากพี่สาวได้ไม่นาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาไล่บอกว่าช้างป่าที่มาพังรถยนต์ของตนเป็นช้างพลายหางด้วน ซึ่งนับวันมีพฤติกรรมเกเร ก้าวร้าว และทำลายทรัพย์สินชาวบ้านมาขึ้น
นายสุวิท กล่าวอีกว่าในรถยนต์เก๋งของตนเองที่จอดไว้ไม่มีผลไม้หรืออาหาร ที่กระโปรงท้ายรถ มีน้ำมันพืช ยางในรถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ล้างรถเท่านั้น จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลจัดการปัญหาช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ออกมาหากินอยู่ในพื้นที่ป่าละอู และควรเร่งรัดหามาตรการเยียวยาผู้ได้รับความเดือดร้อนบ้าง จากปัญหาช้างป่าทำลายทรัพย์สิน
ขณะเดียวกัน นายมนูญ ทองแย้ม กำนันตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ และชาวบ้านในพื้นที่ป่าละอู กล่าวกับสื่อมวลชนว่าขณะนี้ ต่างหวาดหวาดผวาไม่รู้จะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร เพราะลำพังจอดรถไว้เฉยๆหน้าบ้านยังถูกช้างบุกมาทำลาย ซึ่งไม่ได้มีแค่ตนรายเดียว สำหรับค่าเสียหายครั้งนี้คาดกว่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาท
ปัญหาช้างบุกทำลายทรัพย์สินทั้งบ้านเรือน พื้นที่เกษตร ทรัพย์สิน นับวันหนักขึ้นครั้งนี้รถยนต์ไม่มีผลไม้ก็มากระทืบ ครั้งที่แล้วก็เข้าไปกระทืบรถเก๋งในรีสอร์ททำให้นักท่องเที่ยวก็ผวาและกลัวกัน ซึ่งปัญหาพูดให้ผู้ใหญ่ฟังไปหลายรอบแล้ว รวมทั้งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช แต่วันนี้ก็ยังไม้รับการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม วันนี้ในตำบลห้วยสัตว์ใหญ่รอบหมู่บ้านแต่ละหมู่ กลายเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าโขลงนี้นับ 100 ตัว พอกตกกลางคืนก็พากันออกมา ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ก็รู้อยู่แล้วว่าช้างที่มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว มีตัวไหนบ้างก็ควรจะเอาออกนอกพื้นที่ไป
ด้านนางสุนันทา พิมพ์ไทย นายก อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าช้างป่ามีพฤติกรรมที่เกเร ก้าวร้าวมากขึ้น โดยช้างป่าที่มีพฤติกรรมเกเรจะมีด้วยกัน 4- 5 ตัว ไม่อยู่รวมฝูงกับช้างป่าอื่น แต่จะออกมาหากินอยู่ในหมู่บ้านและตามถนน เมื่อไม่พบของกินก็จะรื้อค้นทำลายทรัพย์สิน ซึ่งนับวันจะรุนแรงมากขึ้น จากการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาช้างป่า ได้มีการเสนอให้เคลื่อนย้ายช้างป่ากลุ่มนี้ออกไป ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ก็รับข้อเสนอว่าอาจะมีการนำช้างไปฝึกหรือเข้าโรงเรียน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มองว่าอาจจะต้องปรับแผนในการจัดชุดลาดตระเวนป้องกันช้างป่า ซึ่งเดิมจะเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทหารจงอางศึก ตำรวจพลร่มและชาวบ้านจะออกผลักดันช้างป่าที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ 18.00 – 24.00 น. ซึ่งตอนนี้พบว่าช้างป่าจะออกมาหลังเวลาเที่ยงคืน ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่เป็น 2 ชุด สำหรับมาตรการเยียวยานั้น อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือให้หน่วยงานท้องถิ่นหรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือได้รับผลกระทบจากช้างป่า
