กระบี่-“ส.จ.บิ๊ก” แจงยื่นขอ ส.ป.ก.ก่อนลงสมัคร ส.ส.พรรค พปชร. ยันคุณสมบัติตรงหลักเกณฑ์ ขณะเดียวกัน ส.จ.บิ๊ก โอด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ผมผิดไหม
กรณีมีกระแสโซเชียล วิพากษ์วิจารณ์การแจก ส.ป.ก.4-01 ในพื้นที่ จ.กระบี่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาเป็นประธานมอบให้กับผู้ผ่านการพิจารณาให้รับที่ดิน 335 ราย เนื้อที่กว่า 4 พันไร่ ในพื้นที่ จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในผู้รับมอบ คือ นายสมัชชา เอ่งฉ้วน อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 จ.กระบี่ รับมอบที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 16 ไร่เศษ ซึ่งผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องคุณสมบัติว่าเหมาะสมหรือไม่ ต่อมาเจ้าตัวออกมาชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการครอบครองมาก่อนจะมีการประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง สนง.ปฏิรูปที่ดิน จ.กระบี่ เพื่อสอบถามที่มาที่ไปของการพิจารณาคัดสรรผู้มีสิทธิในที่ดินทำกิน ส.ป.ก.4-01 ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ โดยเจ้าหน้าที่ของ สนง.ปฏิรูปที่ดิน จ.กระบี่ เปิดเผยข้อมูลว่า การพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เข้าเงื่อนไขที่จะรับมอบนั้น ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง กรณีของนายสมัชชา เอ่งฉ้วน ทางคณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตั้งแต่ระดับอำเภอ ซึ่งมี นอภ.เมืองกระบี่ เป็นประธานพิจารณา รวบรวมข้อมูลรวมทั้งการสืบค้นประวัติความเป็นมาของพื้นที่จากผู้นำในชุมชน นำมาประมวลทุกอย่างแล้ว เดิมที่ดินผืนดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาพนมเบญจา หมู่ 1 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ พบว่ามีการเข้าไปปลูกปาล์มน้ำมัน ทำการเกษตรอย่าแท้จริง จึงนำมาพิจารณา โดยผู้ยื่นขอคือนายสมัชชา ก็มีคุณสมบัติเข้ากับเงื่อนไขของผู้ที่จะได้รับสิทธิ คือไม่มีที่ดินครอบครองเกิน 50 ไร่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายสมัชชา ไม่เคยมีที่ดินครอบครองมาก่อนจริง และคุณสมบัติของนายสมัชชา ก็เข้าหลักเกษณฑ์ของ ส.ป.ก. เพราะเป็นเกษตรกรจริง แต่เรื่องความเหมาะสมเพราะเป็นผู้สมัครของพรรคการเมืองนั้น ยอมรับว่าอาจจะดูไม่เหมาะสม
ข่าวน่าสนใจ:
จนท.ปฏิรูปที่ดิน เผยต่อว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบการทำงานของนายสมัชชา ก่อนจะมาลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ ก็เคยเป็นสมาชิก อบจ.กระบี่ เขต อ.เมืองกระบี่ รู้จักกันในชื่อ ส.จ.บิ๊ก ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำการเกษตร ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ของผู้มีคุณสมบัติถูกต้องทุกอย่าง ทางคณะกรรมการในระดับอำเภอ จึงอนุมัติให้และส่งเรื่องต่อไปให้คณะกรรมการในระดับจังหวัด ซึ่งมี ผวจ.เป็นประธาน ผ่านการกลั่นกรองในหลายกระบวนการ ซึ่งเกษตรกรแต่ละรายยื่นขอมานานหลายปีแล้ว กระทั่งล่าสุดทางกระทรวงเกษตรฯ สั่งการให้ดำเนินการแจกสิทธิ ส.ป.ก.ให้กับผู้ผ่านการพิจารณา โดยในส่วนของ จ.กระบี่ 8 อำเภอ มีผู้ผ่านการพิจารณาไปแล้ว 335 ราย ส่วนเรื่องความเหมาะสมว่าเป็นคนจน หรือไม่นั้น ตามหลักเกณฑ์ของ ส.ป.ก. ไม่ได้นิยามว่าผู้ที่จะได้สิทธิต้องเป็นคนจน คนแก่ แต่เป็นหลักเกณฑ์ในการนิรโทษให้กับผู้บุกรุกพื้นที่ของรัฐ ทั้งที่บุกรุกเอง และเป็นการบุกรุกที่ดินแปลงใหญ่ สำคัญคือต้องเป็นเกษตรกร แม้จะไม่ทำการเกษตรด้วยตัวเอง แต่ต้องยืนยันได้ว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากการเกษตร โดยกรมป่าไม้จะนำพื้นที่เหล่านั้นมาให้ทาง ส.ป.ก.จัดสรรในกระบวนการปฏิรูปที่ดินทำกิน โดยให้สิทธิครอบครองได้คนละไม่เกิน 50 ไร่ จึงเป็นช่องโหว่ให้กลุ่มนายทุนเข้ามาถือสิทธิครอบครอง บางรายจะใช้ชาวบ้านมาเป็นนอมินีในการครอบครอง แต่เบื้องหลังกลุ่มนายทุนเข้าไปทำประโยชน์ อย่างไรก็ตามในส่วนของคุณสมบัติผู้มีสิทธิทำกินนั้น หากตรวจสอบพบในภายหลังว่าผิดเงื่อนไข ทาง ส.ป.ก. ก็มีสิทธิจะสั่งเพิกถอนได้
ทั้งนี้สำหรับนายสมัชชา เอ่งฉ้วน หรือ ส.จ.บิ๊ก เป็นหลานของนายอาคม เอ่งฉ้วน อดีต รมต.หลายสมัยในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นสมาชิก อบจ.เขต อ.เมืองกระบี่ 3 สมัย ชี้แจงเรื่องที่กำลังเป็นข่าวฉาวว่า ตนยังคงยืนยันว่าที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินที่มีการครอบครองมานานแล้ว ก่อนจะมีการประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเมื่อปี 2536 ซึ่งก่อนนี้ทางบ้านของตนซื้อสิทธิในที่ดินดังกล่าวมาจากชาวบ้านอีกทอดหนึ่ง โดยเดิมเป็นสวนยางพารา เนื้อที่ 25 ไร่ ซื้อมาในราคา 2 ล้านบาทเศษ แต่เป็นการถือครองแบบ ภ.บ.ท.5 ต่อมาจึงโค่นยางพารา แล้วนำที่ดินมาปลูกปาล์มน้ำมันแทน กระทั่งมีการประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน จึงดำเนินการยื่นขอสิทธิทำกิน โดยยื่นไว้ตั้งแต่สมัยที่นายอาคม เอ่งฉ้วน ลุงของตนเป็น รมช.กระทรวงเกษตรฯ ก่อนที่พรรคพลังประชารัฐ จะเกิดขึ้น หากตนคิดจะใช้อำนาจในทางที่ผิด ตนคงให้ลุงของตนดำเนินการให้ไปนานแล้ว คนที่ยื่นขอพร้อมๆ กับตนในขณะนั้น ได้รับกันไปหมดแต่ของตนเรื่องยังค้างอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ตนจึงยืนยันว่าที่ดินที่ได้มา ได้มาด้วยความบริสุทธิ์จริง เพราะคุณสมบัติของตนเข้าหลักเกณฑ์ของ ส.ป.ก. การที่เกิดกระแสข่าวออกมาในครั้งนี้ ตนมองว่าอาจจะเป็นการโจมตีกันทางการเมืองหรือไม่ เพราะตอนนี้ใกล้เข้าช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นอกจากนี้นายสมัชชา ยังโพสต์ข้อความชี้แจงเรื่องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า “เรียนชี้แจงผู้ที่อยากทราบข้อมูลเนื่องจากที่ที่ผมครอบครอง อยู่ในระเบียบที่จะรับเอกสาร ส.ป.กได้ และการดำเนินการขอที่ดินนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีพรรคพลังประชารัฐ และผมจะคิดสมัคร ส.ส.แต่ในเมื่อเข้าเกณฑ์ที่ได้รับจึงยื่นเรื่องตามขั้นตอน ไม่ได้ไปใช้อำนาจพิเศษใดๆ เพราะมีการตั้งกรรมการตรวจสอบกันไม่ต่ำกว่าสามปีจนของคนอื่นได้รับไปหมดแล้ว??? ผิดไหมที่เราเป็นเกษตรกร ผิดไหมเราเป็นหลานผู้ใหญ่บ้าน, ผิดไหมเราเป็น ส.จ.ตัวแทนชาวบ้าน 12 ปี, ผิดเหรอเราเป็นหลาน ส.ส.แล้วเราเหมือนจะรวย… แต่ที่จริงไม่รวย…??? ไม่ผิดนะที่ไม่เคยโกงใครโกงชาติ….. ตามที่ปู..ย่า…ตายายสั่งสอนมา”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนของ จ.กระบี่ มีพื้นที่ ส.ป.ก.ที่ถูกกลุ่มนายทุนเข้าครอบครอง โดยใช้ชาวบ้านเป็นนอมินี คือพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันใน อ.เมือง และ อ.เหนือคลอง กว่า 4 พันไร่ ซึ่งบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ใช้ชื่อชาวบ้านกว่า 400 ราย มาถือสิทธิครอบครองพื้นที่ ส.ป.ก. จนเกิดการตรวจสอบและต่อมามีการเรียกคืนพื้นที่ ส.ป.ก.ทั้งหมด แต่ทางบริษัทเอกชนรายดังกล่าว ยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่ามีเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มชาวบ้านที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐนำที่ดินมาจัดสรรให้เกษตรกรยากจน เป็นปัญหายืดเยื้อยาวนานมากว่า 7 ปี ซึ่งทาง สนง.ปฏิรูปที่ดิน จ.กระบี่ เตรียมเข้าดำเนินการยึดคืนพื้นที่ดังกล่าวภายในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ โดยก่อนนี้พื้นที่ดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัส เข้าพบกับกลุ่มชาวบ้าน และรับปากว่าจะนำกลับมาจัดสรรให้ชาวบ้านได้เข้าทำกิน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: