กระบี่-จับหนุ่มเฝ้าร้านอ่าวไร่เล ค้ากัญชา 250 กรัม ช่วงปิดอ่าวไรเลขายไม่ได้ ลูกค้าสูญหาย ซ่อนกัญชาไว้ในร้าน เพื่อรอจำหน่ายอีกครั้ง
วันที่ 12 เม.ย. 63 พ.ต.พินิตย์ พรพิทักษ์ หน.สายข่าว ก.รมน.กระบี่ ร.ต.อ.ธรรมนูญ ศรีประไพ หน.ศป.ปส.ร้อย ตชด.426 จ.กระบี่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ดูแลความสงบ เรียบร้อยอ่าวไรเล ต.อ่าวนาง จ.กระบี่ ช่วงการประกาศเคอร์ฟิวห้ามชาวกระบี่และบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ให้ปฏิบัติตามช่วงวันที่ 3 – 30 เมษายน 2563 และตามนโยบายจังหวัดกระบี่ ยกระดับสถานการณ์เพื่อความคุมการแพร่เชื้อไวรัส โควิด 19 ปิดจังหวัดกระบี่ ทั้ง 8 อำเภอ และพื้นที่เสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 10 – 30 เม.ย. 63
จาการตรวจสอบพื้นที่อ่าวไร่เล ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 จังหวัดกระบี่ได้ทำการปิดอ่าวไร่เล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ประกอบการต่างพากันปิดกิจการและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ตามนโยบายของจังหวัดกระบี่ พบแต่คนเฝ้าร้าน เฝ้าโรงแรมและรีสอร์ท เท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนกำชับให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย ทุกคนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19
เมื่อทางเจ้าหน้าที่เดินไปบริเวณเชิงเขา พบชายไทยอายุประมาณ 30- 40 ปี จึงเข้าไปสอบถาม เพื่อตักเตือนให้สวนหน้ากากอนามัย แต่ชายคนดังกล่าวมีพิรุธน่าสงสัย เลยควบคุมตัวไปตรวจค้นที่พักแห่งหนึ่งไม่มีเลขที่ ตรวจค้นภายในตู้เก็บของพบกัญชาบรรจุใส่ถุงพลาสติด ขนาด 5 x7 เซนติเมตร และขนาด 7 x 10 เซนติเมตร และกัญชาอัดแท่งห่อด้วยกระดาษใส่ถุงพลาสติก น้ำหนักรวม 250 กรัม
ทราบชื่อต่อโกวิทย์ โบทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/1 หมู่ที่ 1 ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง รับสารภาพกัญชาดังกล่าวเป็นของตัวเองทั้งหมด มีอาชีพรับจ้างเฝ้าร้านดังกล่าว ที่อ่าวไร่เล เป็นเวลา 2 ปีแล้ว ซึ่งรับกัญชาอัดแท่นจากฝั่งตัวเมืองกระบี่ ในกิโลกรัมละ 2 หมื่นบาท มาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวและกลุ่มวัยรุ่น พนักงานและคนงานก่อสร้าง ในราคาขนาด 5 x7 เซนติเมตร 300 บาท และขนาด 7 x 10 เซนติเมตร 500 บาท
ข่าวน่าสนใจ:
ยามว่างก็เสพเองแต่เมื่อจังหวัดกระบี่ประกาศปิดอ่าวไรเล ทำให้ไม่สามารถขายกัญชาได้ จึงเก็บไว้ในร้านดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงบันทึกการจับกุมแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนางดำเนินคดี ตามกฏหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: