กระบี่-สลด ลุงวัย 50 ปี ถูกเก๋งชนท้าย ลากไกลกว่า 50 เมตร ลูกชายใจสลาย เห็นเต็มตาวิ่งไปช่วย ก้มลงดูถึงปล่อยโฮ ไม่นึกว่าเป็นพ่อตัวเอง ขณะคู่กรณีขับเก๋งหนีไกลกว่า 500 เมตร ก่อนจอดรถทิ้งแล้วหลบหนี
เวลา 20:30 น.วันที่ 8 ต.ค.63 ตร.สอบสวนสภ.เมืองกระบี่ รับแจ้งอุบัติเหตุ รถยนต์เก๋งชนรถจยย. มีผู้เสียชีวิต พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.กระบี่ และมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา ร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนบ้านควน-ห้วยโต้ ม.6 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ มีชาวบ้านยืนมุงกันเป็นจำนวนมาก จนท.ต้องคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กลางถนนเลนฝั่งขาออกมุ่งสู่ตัวเมืองกระบี่ พบศพชาย ทราบชื่อต่อมา คือนายมานิต แก้วนาง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/3 ม.6 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ สภาพเสียชีวิตนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อแขนสั้น นุ่งกางเกงยีนส์ มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ นอนจมกองเลือดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ญาติที่เฝ้าดูต่างร้องไห้กันระงม ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถจยย.ยี้ห้อฮอนด้าเวพ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กก 4173 กระบี่ ล้มตะแคงอยู่พงหญ้าริมถนน สภาพพังเสียหาย ชิ้นส่วนรถกระจัดกระจายเกลื่อนถนน นอกจากนี้รับแจ้งว่า ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน ชน 7966 ภูเก็ต เป็นรถคู่กรณี ถูกจอดทิ้งไว้ ส่วนในรถไม่พบคนขับ คาดมีคนมารับตัวพาหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงยึดรถไว้ตรวจสอบ เพื่อติดตามเจ้าของรถมาสอบสวน ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
นายณัฐพงศ์ แก้วนาง อายุ 26 ปี ลูกชาย ผู้ตาย เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุ นั่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ได้ยินเสียงรถชนสนั่น ก่อนร่างคนตายกับรถจยย.กระเด็นไปคนละทาง จึงรีบวิ่งไปดูเพื่อให้การช่วยเหลือ เมื่อไปถึงตัวคนตาย ถึงกับเข่าอ่อน ปล่อยโฮออกมา เมื่อผู้ที่ถูกรถชนและเสียชีวิต คือพ่อของตนเอง หลังตั้งสติได้รีบแจ้งจนท.เข้าตรวจสอบและแจ้งยังญาติพี่น้องให้ทราบ
ขณะชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า รถผู้ตายได้วิ่งออกมาจากด้านในห้วยโต้ ส่วนรถเก๋งคู่กรณี ก็มาทางเดียวกัน อีกนิดเดียวก็จะถึงทางเข้าบ้านผู้ตาย จู่ๆได้ยินเสียงดังโครม ผู้ตายกระเด็นติดรถไปไกลจากจุดชนประมาณ 50 เมตร ส่วนรถจยย.ถูกลากไกลราว 100 เมตร หลังจากรถเก๋งชนแล้วก็ได้ขับหลบหนีไป ก็มาทราบทีหลังว่า รถถูกจอดทิ้งไว้ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร
เบื้องต้นทางตร.มอบศพให้กู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา ส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่รพ.กระบี่ ก่อนมอบให้ญาติรับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนคู่กรณีตร.ได้ดำเนินการยึดรถ ก่อนตรวจสอบจากทะเบียนรถ เพื่อหาตัวเจ้าของรถ ซึ่งหลักจากนี้จะเรียกตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
