กระบี่-เจ้าของปางช้างที่กระบี่ ปรับตัวเปิด “บ้านช้างคาเฟ่” หารายได้ลดภาระเลี้ยงช้างร่วม 20 เชือก
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.64 ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้หลายอาชีพ ต้องประสับภาวะขาดทุน โดยเฉพาะภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยว แต่ก็มีผู้ประกอบการหลายราย ที่พยายามปรับตัวให้อยู่ได้ในยุคโควิด-19 ที่ไร้ นทท.ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว อย่างที่ปางช้างในพื้นที่หมู่ 5 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ ที่เคยเปิดบริการให้ นทท.ต่างชาติ ได้เข้ามาเที่ยวชมช้างที่เลี้ยงไว้ในปาง โดยเปิดบริการในหลายพื้นที่ อาทิ เกาะลันตา หาดอ่าวนาง แต่ปัจจุบันหลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มี นทท. ช้างที่อยู่ในความดูแลร่วม 20 เชือก และคนงานอีกร่วม 50 ชีวิต ต้องประสบภาวะขาดทุน และขาดแคลนอาหารสำหรับเลี้ยงช้าง ทางเจ้าของปางช้างแห่งนี้ จึงปรับเปลี่ยนแนวธุรกิจใหม่ เปิดเป็น “บ้านช้างคาเฟ่” บนเนื้อที่ 8 ไร่ เพื่อเปิดรับกลุ่มลูกค้าชาวไทย และกำลังได้รับความนิยมจาก นทท.ที่ทราบข่าวผ่านทางสื่อโซเชี่ยล
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ปางช้างดังกล่าว เพื่อพบกับ น.ส.เกวลี หรือน้องฟาง คงเหล่า อายุ 28 ปี ผู้บริหารปางช้าง และ “บ้านช้างคาเฟ่” สอบถามข้อมูลที่มาที่ไปของบ้านช้างคาเฟ่ ว่า เธอและสามี เข้ามาทำธุรกิจปางช้างในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.กระบี่ มาได้ประมาณ 2 ปีเศษ เป็นธุรกิจที่สืบทอดต่อมาจากครอบครัวของสามีที่ จ.กระบี่ โดยกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวต่างชาติ กิจกรรมหลักที่เคยทำ ก็คือให้ นทท.เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลเลี้ยงช้างในปาง เช่นให้อาหารช้าง ดูการใช้ชีวิตของช้าง การแสดงต่าง ๆ รวมถึงได้อาบน้ำให้ช้าง กระทั่ง 1 ปีเศษที่ผ่านมา หลังเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ นทท.ต่างชาติ เข้ามาเที่ยวในประเทศไม่ได้ ทางปางช้างก็เริ่มประสบปัญหา เพราะต้องแบกภาระต้นทุนในการดูแลช้างกว่า 20 เชือก และคนงานอีกหลายสิบชีวิต ช้างที่มีอายุเยอะก็ล้มตายไปแล้ว 3 เชือก และต้องขายออกไปอีก 2 เชือก เพราะแบกภาระไม่ไหว เนื่องจากช้างแต่ละตัวต้องกินอาหารวันละ 300-400 กก.
น.ส.เกวลิน เล่าต่อว่า กระทั่งเมื่อประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา ตนและสามี ปรึกษากันว่า ต้องคิดทำธุรกิจใหม่ที่หารายได้เข้ามา เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลช้าง และคนงาน จึงเกิดไอเดียเปิดเป็นคาเฟ่ช้างขึ้น โดยใช้พื้นที่ 8 ไร่ใน ต.ทับปริก นำช้างทั้งหมดเกือบ 20 เชือกจำที่เกาะลันตา และหาดอ่าวนาง กลับมาเลี้ยงไว้ที่นี่ทั้งหมด โดยในคาเฟ่ จะเปิดให้บริการที่หลากหลายขึ้น ทั้งบริการให้อาหารช้าง ซึ่งผู้เข้ามาเที่ยวชม สามารถซื้อผลไม้ที่ทางปางช้างจัดเตรียมไว้ ไปให้ช้างได้กิน หรือจะถ่ายภาพเซลฟี่กับช้าง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนันทนาการ เช่น พายเรือคายัค ซึ่งมีลำห้วยใกล้กับปางช้าง สามารถพายเรือเล่นได้ มีสวนดอกไม้ตามฤดูกาลให้ได้ถ่ายภาพ และยังจัดให้มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ไว้คอยบริการลูกค้าที่เข้ามาเที่ยว โดยทางปางช้าง จะคิดค่าเข้าชมสำหรับคนไทยแยกเป็น ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท สามารถเข้ามาพักผ่อนในปางช้างได้ไม่จำกัดเวลา ส่วนค่าบริการอื่น ๆ ก็แล้วแต่ลูกค้าจะเลือกใช้ โดยช่วงที่เปิดใหม่ ๆ ตนจะโปรโมทธุรกิจผ่านทางสื่อโซเชียล เฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ Baan Chang Cafe ปรากฎว่า มีผู้คนตอบรับเข้ามาเที่ยวชมกันมากขึ้นทุกวัน ทั้ง นทท.ต่างจังหวัด ในกระบี่ และกลุ่มโรงเรียนต่าง ๆ ที่นำเด็กมาทัศนศึกษา
น.ส.เกวลิน เล่าต่อว่า สำหรับบ้านช้างคาเฟ่ จะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. โดยผู้ที่ต้องการจะเดินทางมาเที่ยวชม สามารถโทรศัพท์มาสอบถามเส้นทางได้ที่เบอร์ 093-3832988 หลังจากนี้ ก็จะต่อยอดธุรกิจออกไปอีก ซึ่งช่วงนี้อยู่ในช่วงของการปรับแต่งพื้นที่เพิ่มเติม ให้มีกิจกรรมและบริการที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการนำเอามูลช้างมาทำเป็นกระดาษสา ทำของที่ระลึกไว้จำหน่ายให้คนมาเที่ยวด้วย.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: