กระบี่-ผบช.ภ.8 ระดมมือสอบสวนกว่า 100 นาย เร่งทำคดีจลาจลเผาเรือนจำกระบี่
จากเหตุนักโทษเรือนจำ จ.กระบี่ ก่อเหตุจลาจลในเรือนจำ ก่อนจุดไฟเผาอาคารเรือนนอนเก่าจนเสียหายทั้งหลัง ต่อมาตำรวจเข้าจับกุมตัวแกนนำที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด 31 คน นำไปขังไว้ที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี และมีการย้ายนักโทษ และผู้ถูกคุมขังออกจากเรือนจำทั้งหมด เพื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเตรียมซ่อมแซมใหม่นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ธ.ค.64 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 เดินทางมาติดตามคดีดังกล่าว โดยเรียกชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กระบี่ ชุดสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 พนักงานสอบสวน จนท.พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กระบี่ ประชุมร่วมกันที่ห้องประชุม บก.ภ.จว.กระบี่ เพื่อสั่งการแบ่งชุดทำงาน กระจายไปสอบสวนผู้ต้องขังหลายรายที่ถูกย้ายไปอยู่ตามเรือนจำต่าง ๆ รวมทั้งสั่งให้ชุดสืบสวน และ จนท.พิสูจน์หลักฐาน เร่งดำเนินการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด และให้ดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะมีผู้ก่อเหตุจำนวนมาก จากนั้นเดินทางต่อไปยังเรือนจำ จ.กระบี่ เพื่อเข้าดูที่เกิดเหตุภายในเรือนจำ โดยทางเรือนจำ ปิดกั้นพื้นที่ภายในไว้ เพราะยังเก็บพยานหลักฐานไม่หมด
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง ร้านอาหารผวา!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน อ้างสั่งอาหารหรู "พระกระโดดกำแพง" หลอกร้านดังเกือบเสียเงินแสน
- ข้าวหลามตำบลโคกเจริญคว้ารางวัลชนะเลิศ "ข้าวหลามดี ศรีทับปุด" ปี 2567
- ผู้ช่วย ผบ.ตร.ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงก่อนวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568
- ผบช.สตม.ปล่อยแถว ตม.ทั่วประเทศ กวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568
พล.ต.ท.อำพล กล่าวภายหลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในเรือนจำว่า เบื้องต้นตนสั่งการให้มีการตั้งเป็นทีมสอบสวนของภาค 8 โดยมี พล.ต.ท.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบช.ประจำ สตช. เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน ระดมพนักงานสอบสวนมือดีของตำรวจภูธร ภาค 8 มาร่วมทีมสอบสวนกว่า 100 นาย หากไม่พอก็จะเพิ่มเข้ามาอีก ขั้นแรกให้พนักงานสอบสวนของตำรวจภูธร จ.กระบี่ สอบสวน จนท.เรือนจำทั้งหมดก่อน ส่วนผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นแกนนำ เป็นผู้ร่วมก่อเหตุ จะต้องสอบพยานบุคคล และรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้ชุดพิสูจน์หลักฐานของ จ.กระบี่ และพื้นที่ใกล้เคียง มาช่วยกันเก็บหลักฐานสำคัญในที่เกิดเหตุ การสอบสวนต้องดำเนินการขั้นแรกคือตรวจร่างกายพยานทุกคนเพื่อความปลอดภัย ซึ่งพยานถูกกระจายไปคุมขังในหลายพื้นที่ ทั้งเรือนจำ จ.ภูเก็ต พังงา สงขลา และราชบุรี โดยกำชับให้ประเด็นการสืบสวน สอบสวน พิสูจน์หลักฐาน ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ประเด็นที่เป็นปมหลักจากการสอบถามเบื้องต้น ก็น่าจะเกิดจากเรื่องการควบคุมการระบาดของโควิดในเรือนจำ ซึ่งเท่าที่ทราบ เรือนจำก็ปฏิบัติตามระเบียบสาธารณสุข แต่อาจจะมีผู้ต้องขังที่ไม่พอใจในการปฏิบัติ
ผบช.ภ.8 กล่าวต่อว่า ส่วนปมอื่นนอกเหนือจากเรื่องโควิด จะมีหรือไม่ต้องอยู่ที่กระบวนการสืบสวนสอบสวน แต่ในเบื้องต้นตั้งปมไว้ที่เรื่องโควิดก่อน ในส่วนของกลุ่มก่อเหตุที่ถูกส่งไปขังที่เรือนจำเขาบิน จะส่งทีมสอบสวนเฉพาะขึ้นไปสอบทั้งหมด นอกจากสอบปากคำแล้วก็ให้เก็บดีเอ็นเอของผู้ต้องขัง เพราะหลักฐานทางนิติวิทยาศาตร์ จะมีหลักฐานพวกดีเอ็นเอร่วมอยู่ด้วย ส่วนหลักฐานพวกอาวุธที่กลุ่มก่อเหตุใช้ ส่วนใหญ่ยังพบเป็นอุปกรณ์ภายในเรือนจำ เช่นมีด ไม้ เครื่องมือช่าง ยังไม่พบว่ากลุ่มก่อเหตุมีการเตรียมอาวุธอื่น ๆ เข้าไป สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุเบื้องต้นยังยืนยันที่ 31 คน แต่อาจจะมีเพิ่มตอนนี้ยังไม่สรุป ขณะที่ความเป็นห่วงของญาติผู้ต้องขัง ที่เกรงว่าจะมีผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บในการเข้าจับกุมนั้น ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง
ด้านนายจรูญ นาคแก้ว ผบ.เรือนจำ จ.กระบี่ กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่ญาติเป็นห่วงเรื่องผู้ต้องขังที่เป็นบุตรหลาน จะถูกย้ายไปขังที่ไหนบ้างนั้น ทางเรือนจำกำลังเร่งตรวจสอบว่าผู้ต้องขังรายใด ถูกย้ายไปขังที่ไหนบ้าง เพื่อเร่งทำรายชื่อให้ญาติสามารถมาตรวจสอบได้ว่าใครอยู่ที่ไหนบ้าง โดยคาดว่าจะเริ่มให้ตรวจสอบได้ภายใน 1-2 วันนี้ แต่ยังไม่เปิดให้ตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์ เพราะมีรายชื่อของผู้ต้องขังเยอะกว่า 2 พันคน หากญาติสงสัยก็สามารถมาตรวจสอบที่เรือนจำกระบี่ แต่หากญาติผู้ต้องขังรายใด ไม่สามารถเดินทางมาเองได้ ก็ให้ฝากญาติผู้ต้องขังรายอื่น ตรวจสอบให้ได้ ตอนนี้ที่กระจายออกไปก็มี จ.ภูเก็ต สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช และเรือนจำเขาบิน ในส่วนของการเร่งปรับปรุงเรือนจำ จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้เสร็จภายใน 2 เดือนนี้ ส่วนผู้ต้องขังที่ถูกกระจายออกไป จะถูกย้ายกลับมาหรือไม่ อยู่ที่กรมราชทัณฑ์จะกำหนดอีกครั้ง ในส่วนของผู้ต้องขังใหม่ ให้พนักงานสอบสวนสามารถฝากขังได้ตามปกติ เราจัดเตรียมพื้นที่เรือนจำชั่วคราวกระบี่น้อย เป็นที่กักโรคชั่วคราว 21 วัน จากนั้นอาจจะนำมาควบคุมในพื้นที่บางส่วนที่ยังใช้ได้ เช่นโซนเรือนจำหญิง ขณะที่ปัญหาความแออัดก่อนหน้านี้ ยอมรับว่ามีปัญหาแออัดมาก ก่อนจะเกิดเหตุตนก็แจ้งทางกรมให้ทราบ เพื่อจะขอแบ่งผู้ต้องขังไปยังเรือนจำใกล้เคียง แต่เกิดปัญหาการระบาดของโควิดในเรือนจำหลายแห่ง ทำให้ยังไม่สามารถโยกย้ายผู้ต้องขังได้ จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว
ขณะที่บรรยากาศที่ด้านหน้าเรือนจำ ตั้งแต่ช่วงเช้า มีญาติผู้ต้องขังจำนวนมาก ต่างทยอยเดินทางมาที่หน้าเรือนจำ เพื่อขอตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องขังว่าถูกย้ายไปขังที่ไหนบ้าง เนื่องจากญาติยังเป็นห่วงว่าผู้ต้องขังมีความปลอดภัยหรือไม่ แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ จนท.แจ้งให้ญาติทราบว่า เนื่องจากจำนวนผู้ต้องขังมีปริมาณมากทำให้รวบรวมรายชื่อยังไม่ทัน คาดว่าจะตรวจสอบเสร็จสิ้นภายใน 1-2 วันนี้.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: