กระบี่-กอ.รมน.ตรวจวันเดียวพบโฉนดโผล่บนหาดคลองสน นอกพื้นที่ตรวจยึด ด้านที่ดินกระบี่ รับที่ดินอยู่ในเขต อช.
หลายหน่วยงานยังคงเดินหน้าตรวจสอบการบุกรุกหาดคลองสน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ อย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนนี้กรมอุทยานฯ ใช้การบินสำรวจพบป่าตรวจยึด 125 ไร่ ในปี 2546 ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกแผ้วถางใหม่ 8 ไร่เศษ นำไปสู่การตรวจสอบเชิงลึกพบว่าพื้นที่หน้าหาดคลองสน เนื้อที่กว่า 30 ไร่ ที่อยู่ในแปลงตรวจยึดเก่า ถูกกลุ่มนายทุน ร่วมมือกับ จนท.รัฐ เข้าไปออกเอกสารสิทธิครอบครองพื้นที่หน้าหาด แบ่งแยก น.ส.3 ก.ออกเป็นแปลงละ 2 ไร่ มากกว่า 17 แปลง ขายต่อให้กับกลุ่มทุนหลายราย เข้าไปแผ้วถาง ปลูกสร้างบังกะโล รีสอร์ต บ้านพัก ทำให้ต่อมาตำรวจจาก บก.ปปป.บช.ก. เข้าตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อดูว่าที่มาที่ไปของการออกเอกสารสิทธิ ถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าไม่ถูกต้อง จะดำเนินคดีกับ จนท.รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หน.ชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน กอ.รมน.ทภ.4 นำทีม จนท.จาก กอ.รมน.ทภ.4 เดินทางไปยัง สนง.ที่ดิน จ.กระบี่ เพื่อทำหนังสือขอเอกสารระวางที่ดินบริเวณหาดคลองสนทั้งหมดมาตรวจสอบ จากนั้นเดินทางต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พบกับนายปราโมทย์ แย้มนาม หน.อุทยานฯ ขอตรวจสอบเอกสารคดีตรวจยึดทั้งหมดของพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งอุทยานฯ เคยตรวจยึดเมื่อปี 2546 ก่อนจะนำโดรน ไปบินเก็บภาพมุมสูงบริเวณแนวชายหาดทั้งหมด เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับแนวเขตอุทยานฯ ตรวจสอบว่าพื้นที่อุทยานฯ มีแนวเขตบริเวณใดบ้าง และมีพื้นที่จุดไหนถูกบุกรุกไปแล้วบ้าง ซึ่งเบื้องต้นทาง จนท.กอ.รมน. ตรวจสอบพบว่า นอกเหนือจากแปลงตรวจยึด 125 ไร่ แล้ว บริเวณหน้าชายหาดที่อยู่นอกแปลงตรวจยึด ยังมีที่ดิน 1 แปลง ที่พบว่าถูกออกเป็นโฉนดที่ดิน แต่ยังไม่สามารถระบุเนื้อที่ได้ ต้องรอเอกสารจาก สนง.ที่ดินกระบี่ อีกครั้ง
พ.อ.ดุสิต กล่าวว่า การบินเก็บภาพในวันนี้ เพื่อนำภาพถ่ายทางอากาศของพื้นที่หน้าหาดทั้งหมด ไปใช้ตรวจสอบแนวเขต ซึ่งแรกทีเดียวจะเข้ามาตรวจสอบแปลงตรวจยึด 125 ไร่ แต่พอตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่นอกแปลงตรวจยึด ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ ยังมีการออกโฉนดที่ดินแล้วด้วย 1 แปลง จึงนำเรื่องนี้รายงานไปยัง เลขาธิการ กอ.รมน.ทภ.4 ทางเลขาธิการฯ สั่งการด่วนให้ทีมของตน ทำการเก็บข้อมูล และตรวจสอบชายหาดทั้งหมด เพราะเชื่อว่านอกจากพื้นที่ 125 ไร่แล้ว ยังมีจุดอื่นที่ถูกนำไปออกเอกสารสิทธิแล้วด้วย รวมถึงพื้นที่ที่เป็นถนนลาดยาง เข้ามายังจุดเกิดเหตุ ตรวจสอบกับอุทยานฯ ทราบว่าถนนเส้นดังกล่าว ไม่ได้ก่อสร้างโดยหน่วยงานรัฐ และไม่เคยขออนุญาตก่อสร้างเข้าไปที่อุทยานฯ หลังจากนี้จะนำข้อมูล และภาพถ่ายที่ได้ ไปรายงานตรงให้นายกรัฐมนตรี รับทราบ รวมถึงเตรียมประสานหน่วยงานพื้นที่ เข้าประชุมสรุปความคืบหน้าในเร็ว ๆ นี้ เพราะการทวงคืนพื้นที่ป่าของรัฐ เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทาง กอ.รมน.จึงต้องเข้ามากำกับดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนกระบวนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด หลังจากนี้จะนำข้อมูลประสานไปยังตำรวจภูธร ภาค 8 ให้ตั้งคณะทำงานคดีนี้ขึ้นมาสืบสวน สอบสวน จากนั้นหากคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ต้องรับไปดำเนินการ ก็จะส่งมอบสำนวนการสอบสวนจากตำรวจภูธรภาค 8 ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เหมือนกรณีการตรวจสอบ และดำเนินคดีการบุกรุกเกาะนุ้ยนอก ใน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ
ขณะเดียวกัน ที่ สภ.อ่าวนาง นายสุทัศน์ แก้วนรินทร์ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.กระบี่ นำเอกสารที่ดิน เข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.วรยุทธ ฟ่องสุทธิพิทักษ์ สว.สอบสวน สภ.อ่าวนาง หลังจากทางพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกเข้าพบ โดยนายสุทัศน์ ให้การว่า ตนเพิ่งมารับตำแหน่งเป็น เจ้าพนักงานที่ดิน จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.65 พื้นที่ดังกล่าว มีการออกเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 ก. จริง เนื้อที่รวม 30 ไร่เศษ โดยออก น.ส.3 ก. เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2528 โดยมีนายดำรงค์ กิตติธรกุล เป็นผู้ยื่นขอ ซึ่งขณะนั้นผู้ที่เซ็นออกเอกสารเป็นอำนาจของ นอภ.เมืองกระบี่ ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนที่ดิน อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายที่ดิน ม.59 เป็นการออกโดยการรับรองสิทธิเป็นการเฉพาะราย แต่ยอมรับว่า จากการตรวจสอบล่าสุด พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานฯ ทางกรมที่ดิน สั่งการให้ สนง.ที่ดิน จ.กระบี่ ดำเนินการตรวจสอบสารบบอยู่ในขณะนี้ โดยจะมีคณะกรรมการจากส่วนกลาง ลงมาร่วมตรวจสอบด้วย นอกจากนี้บริษัทเอกชนที่ถือครองเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. จำนวน 3 แปลง เนื้อที่ 6 ไร่ ในจุดที่มีการแผ้วถางใหม่ 8 ไร่ ส่งตัวแทนนำเอกสารมาแสดงกับพนักงานสอบสวนแล้วเช่นกัน แต่แจ้งกับพนักงานสอบสวนว่ายังไม่สะดวกจะเดินทางมาให้ปากคำในตอนนี้ เนื่องจากเจ้าตัวพักอาศัยอยู่ กทม. ทางพนักงานสอบสวนจึงแจ้งให้ผู้ครอบครอง เตรียมเดินทางมาให้การ โดยให้แจ้งวันเวลามาอีกครั้ง.
