กระบี่-หมวกพิฆาต! จนท.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ส่งจนท.ดำน้ำสำรวจหาสาเหตุแม่ฉลามครีบดำตายพร้อมลูกไวอ่อน เผยสาเหตุตายเพราะหมวก<<ข่าวต้นเรื่อง
จากกรณีครูสอนดำน้ำอิสระพบฉลามครีบดำท้องใกล้คลอด ยาว 1.5 เมตร ถูกอวนรัดคอตายคาก้นทะเล สภาพเริ่มเปื่อยจนลูกที่ตายหลุดออกมากองข้างร่างแม่ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้าแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 13 ก.พ.65 ปราโมทย์ แย้มนาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ส่งเจ้าหน้าที่ปฏบัติงานใต้น้ำเข้าสำรวจดำน้ำสำรวจบริเวณหน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพี หมู่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จุดที่ นายณฐพล คงมาลัย อายุ 40 อาชีพครูสอนดำน้ำอิสระที่เกาะพีพี พบฉลามหูดำ หรือฉลามครีบดำตายอนาถพร้อมลูกอ่อน พบว่าแม่ฉลามว่ายชนหมวกสานปีกกว้างสภาพเก่า แล้วไปติดตรงแนวปะการังทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สุดท้ายขาดอากาศหายใจตายไปพร้อมลูกอ่อน 4 ตัว
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวได้ส่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานใต้น้ำอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการตายของฉลาม ที่มีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ (9 ก.พ. 65)
เบื้องต้นพบหมวกสานปีกกว้างสภาพชำรุด บริเวณจุดที่พบซากฉลาม คาดว่าฉลามว่ายเข้าไปชนหมวก และชิ้นส่วนของหมวกไปพันติดกับปะการัง ทำให้ฉลามไม่สามารถว่ายน้ำต่อไปได้จึงทำให้เสียชีวิต
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยอีกว่า จุดดังกล่าวยืนยันไม่มีการลักลอบทำประมงแต่อย่างใด ส่วนปลาฉลามครีบดำตายเพราะติดหมวก ยอมรับเพิ่งเจอเป็นเคสแรก ซึ่งที่ผ่านมาเชื่อว่าหมวกลักษณะนี้คงย่อยสลายเองไปตามธรรมชาติ ซึ่งหลังจากนี้คงมีมาตราการเฝ้าระวังและประชาสัมพันธุ์เตือนนทท.ต่อไป
ในส่วนของปลาฉลามครีบดำ ต้องว่ายน้ำตลอดเวลา เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนผ่านเหงือกเพื่อหายใจ เพราะฉลามไม่มีระบบถุงลมเหมือนปลาทั่วไปที่สามารถเก็บอากาศไว้ใช้ในการหายใจและการลอยตัว
ล่าสุดเจ้าหน้าที่อุทยานฯได้ทำการเก็บกู้ชิ้นส่วนหมวกพิฆาตขึ้นจากน้ำเป็นที่เรียบร้อย ส่วนซากปลาฉลามก็ได้ปล่อยให้ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ
