กระบี่-ชาวบ้านกว่า 300 คน รวมตัวค้านป่าไม้ พร้อมยื่นขอชะลอการโค่นต้นปาล์มเนื้อที่กว่า 5 พันไร่ ในที่ดินหมดสัมปทาน ปลูกป่า หลังชาวบ้านเข้าไปทำกินนานกว่า 10 ปี เผยพื้นที่ทับซ้อนกับของที่ดิน และเขต สปก. อำเภอเสนอชะลอ หารือเพื่อจัดสรร
วันที่ 30 ส.ค.65 ชาวบ้านจำนวนกว่า 300 คน ได้เดินทางมาประชุมหารือร่วมกับทางอำเภอเขาพนม โดยมีนายนิรันดร์ ปราบอักษร นายอำเภอเขาพนม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป่าไม้จากสำนักจัดบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ และ สปก.จังหวัดกระบี่ ซึ่งทางชาวบ้านได้ยื่นหนังสือขอให้ทางป่าไม้ ชะลอการโค่นต้นปาล์มในพื้นที่เขตสัมปทานใน 3 ตำบล คือ ต.พรุเตียว อ.เขาพนม ต.เพหลา อ.คลองท่อม และต.ห้วยยูง อ.เหนือคลอง เนื้อที่ร่วมประมาณ 5 พันไร่ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้เข้าไปครอบครองทำกินปลูกปาล์มและยางพาราอยู่ภายในนานกว่า 10 ปีแล้ว และขอให้ทางป่าไม้ส่งมอบที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับทาง สปก.เพื่อนำมาจัดสรรที่ดินให้กับชาวบ้าน ตามที่ได้มีประกาศไว้เมื่อปี 2561 ที่จังหวัดได้เสนอไปยังป่าไม้ และ สปก.
นายสินชัย พลเดช กำนันตำบลพรุเตียว กล่าวว่า การที่ชาวบ้านมาวันนี้เพราะกำลังเดือดร้อนจากนโยบายการโค่นต้นปาล์มที่กรมป่าไม้จะดำเนินการ เพราะชาวบ้านได้เข้าไปถือครองจำนวนกว่า 300 ครอบครัว ทั้งที่ทำกินอยู่เดิม และบางส่วนก็ซื้อต่อกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว หากมีการโค่นต้นปาล์ม ก็จะเดือดร้อนอย่างหนักหมดที่ดินทำกิน บางคนไปกู้หนี้ยืมเงินมาซื้อ ก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่ในทันที จึงขอให้ชะลอ และหารือตามนโยบายจังหวัดที่ให้นำที่ดินมาจัดสรร โดยให้ทาง สปก.เป็นผู้ดำเนินการ
โดยในที่ประชุมทางป่าไม้แจ้งว่า ทางกรมป่าไม้มีนโยบายในการนำมที่ดินหมดสัมปทานในพื้นที่ จังหวัดกระบี่จำนวน 14 แปลง เนื้อที่ประมาณ 7 หมื่นไร่จัดการโค่นต้นปาล์มและปลูกป่า โดยจะทยอยดำเนินการปีละประมาณ 2-5 พันไร่ ซึ่งในจำนวนนี้มีที่ดินจำนวน 5 หมื่นไร่ พร้อมโค่น ส่วนอีก 2 หมื่นไร่อยู่ในชั้นศาลปกครองที่ทางเอกชนที่สัมปทานยื่นฟ้องอยู่ และขณะนี้ได้สำรวจไปแล้วจำนวน 4 แปลง รวมถึงแปลงที่ชาวบ้านเข้าไปทำกินด้วย ส่วนจะให้ชะลอการโค่นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทางกรมป่าไม้ว่าจะพิจารณาอย่างไร
ขณะที่ นายนิรันดร์ ปราบอักษร นายอำเภอเขาพนม กล่าวว่า จากการหารือและสรุปผลในวันนี้ทางอำเภอทำหนังสือไปยังจังหวัดกระบี่ และทางป่าไม้ที่ 12 ให้ชะลอการโค่นต้นปาล์ม และขอให้นำที่ดินมาจัดสรร เนื่องจากพื้นที่นี้ได้มีการเข้าไปทำกินกระจายของชาวบ้านมากกว่า 300 ครัวเรือน หากโค่นต้นปาล์มจะกระทบกับชาวบ้านมากกว่า 1,500 คน ในทันที และขณะนี้ยังทราบว่า เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติให้เอกชนทำประโยชน์ ซึ่งต่อมาได้มีการส่งมอบพื้นที่ให้กับทาง สปก.แล้วด้วย และยังทราบว่าพื้นที่ตรงนี้มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น เพราะทราบมาว่า เป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทยด้วย จึงต้องมีการคุยกันก่อนของ 3 หน่วยคือ ป่าไม้ สปก.และมหาดไทย
