กระบี่-หนุ่มหลอน คิดว่าจะถูกทำร้าย ใช้ลูกซองยิงลูกพี่ลูกน้องดับคาที่ ตร.ล้อมจับ คุมตัวดำเนินคดี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ก.ย.65 พ.ต.ท.สมพร สงแสง สว.สอบสวน สภ.คลองท่อม จ.กระบี่ รับแจ้งมีเหตุยังกันที่บ้านเลขที่ 8/11 บ้านคลองขนาน หมู่ 3 ต.คลองท่อมใต้ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ พ.ต.ท.ประเทือง วงศ์เดช รอง ผกก.สอบสวน สภ.คลองท่อม ตำรวจชุดสืบสวน จนท.พิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.กระบี่ แพทย์เวร รพ.คลองท่อม จนท.กู้ภัยคลองท่อมใต้ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงพบที่หน้าบ้านปูนชั้นเดียว พบร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่ ทราบชื่อคือ นายเอกรัตน์ บ่อหนา อายุ 38 ปี สภาพศพถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซองเข้ากลางหลัง ทะลุหน้าท้อง มีแผลจากเม็ดลูกปรายเบอร์ 12 จำนวนหลายรู ติดกับบ้านผู้ตาย เป็นบ้านผู้ก่อเหตุเลขที่ 8/5 พบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ตกอยู่ 1 ปลอก ทราบว่าคนก่อเหตุยังอยู่ในบ้านพร้อมอาวุธปืน สอบถามจากญาติทราบชื่อคือ นายปรีชา หรือบ่าว หวังสง่า อายุ 40 ปี จนท.จึงกระจายกำลังปิดล้อมบ้านดังกล่าว เจรจาให้ยอมออกมามอบตัว
ตำรวจปิดล้อมอยู่นานประมาณ 20 นาที ผู้ก่อเหตุจึงฉวยโอกาสเปิดประตูหลังบ้านวิ่งหนีออกมา ตำรวจไล่ตามไปจับได้ห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร ตรวจค้นที่ตัวพบกระเป๋าสะพาย 1 ใบ ในกระเป๋ามีอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม.อยู่ 1 กระบอก คุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.คลองท่อม จากนั้นเข้าไปตรวจสอบในบ้านผู้ต้องหา พบอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก เป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุ จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
สอบถามจาก น.ส.สุธารัตน์ บ่อหนา น้องสาวผู้ตาย เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนเองนั่งเลี้ยงลูกอยู่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ติดกับบ้านผู้ตาย ต่อมาเห็นผู้ตายกลับมาจากทำงานนอกบ้าน กำลังจะออกไปออกเรือหาปลาต่อ จังหวะนั้นได้ยินเสียงปืนดัง 3 นัด จึงวิ่งไปดูก็พบพี่ชายถูกยิงตายแล้ว ส่วนคนก่อเหตุ ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน แต่คนก่อเหตุมักจะมีอาการคล้ายคนหวาดระแวงอยู่ประจำ ระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีอาการหลอนไปเอง คิดว่าผู้ตายจะมาทำร้าย
ทั้งนี้ตำรวจสันนิษฐานว่า คนก่อเหตุ น่าจะถือปืนยาวออกมายิงผู้ตาย โดยยืนยิงมาจากหน้าบ้านตัวเอง ห่างจากจุดที่ผู้ตายอยู่ประมาณ 5 เมตร เมื่อผู้ตายถูกยิง พยายามวิ่งหนีก่อนจะล้มลงหน้าบ้านเสียชีวิต อย่างไรก็ตามตำรวจจะสอบปากคำผู้ก่อเหตุ และญาติๆ อีกครั้ง ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: