กระบี่-ตร.กระบี่ บุกรวบโจรขโมยปาล์มยิงปะทะฝ่ายปกครอง พบทั้งปืน-ยาเสพติด ประวัติคดีโชกโชน
วันที่ 19 ต.ค.65 พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สส.ภ.จ.กระบี่ นำกำลังชุดสืบสวน ภ.จ.กระบี่ พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ นำหมายจับศาล จ.กระบี่ ลงวันที่ 12 ต.ค.65 บุกเข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ 4 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เพื่อจับกุมนายปฐมภพ หรือเอก พรสวัสดิ์ อายุ 38 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 262 หมู่ 6 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ผู้ต้องหาตามหมาย ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ, ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าหนักงาน โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป ในบ้านพบตัวนายปฐมภพ กำลังนอนพักอยู่ในบ้านโดยนอนกอดปืนลูกซองยาวอยู่ตลอดเวลา จนท.ตรวจค้นในบ้านพบอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก ปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐื 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 18 นัด กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 29 นัด ยาบ้า จำนวนกว่า 200 เม็ด ยาไอซ์หนัก 35.8 กรัม ตรวจสอบประวัติ พบเคยก่อคดีมาอย่างโชกโชนถึง 7 คดี ทั้งคดีพยายามฆ่า คดีครอบครองอาวุธปืน และคดีครอบครองยาเสพติด
เบื้องต้นสอบปากคำให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา นายปฐมภพ พร้อมกับเพื่อนรวม 5 คน ขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ตอนครึ่ง ทะเบียน บพ 9661 กระบี่ ซึ่งเป็นรถของภรรยานายปฐมภพ เข้าไปขโมยผลปาล์มในสวนปาล์มชาวบ้าน ที่หมู่ 1 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ โดยอ้างว่ามีคนเข้าไปตัดไว้ให้แล้ว นายปฐมภพ มีหน้าที่ขับรถเข้าไปบรรทุกออกมา เพื่อนำไปขายและนำเงินไปแบ่งกัน แต่ระหว่างนำผลปาล์มน้ำหนัก 1,000 กก.ออกมา เจอกับ จนท.ฝ่ายปกครอง จึงเกิดการยิงต่อสู้กัน และหลบหนีออกมาได้ โดยทิ้งรถไว้ในสวนปาล์มพื้นที่หมู่ 8 ต.กระบี่น้อย ห่างจากจุดเกิดเหตุจุดแรก 10 กม. เจ้าตัวยอมรับว่านำเงินที่ได้จากการขายปาล์ม ไปใช้ซื้อยาเสพติดมาไว้เสพ และก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ตำรวจจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ ดำเนินคดีตามหมายจับ และแจ้งข้อหาเพิ่ม มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค. นายมะโน เครือแก้ว กำนัน ต.กระบี่น้อย รับแจ้งว่ามีคนร้ายเข้าไปลักขโมยปาล์ม ภายในสวนปาล์มชาวบ้านที่หมู่ 1 ต.กระบี่น้อย จึงนำกำลังฝ่ายปกครองในพื้นที่ เข้าไปปิดล้อมเพื่อจับกุมกลุ่มคนร้าย แต่กลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนท.และยิงเพื่อเปิดทางหลบหนี จนเกิดการยิงปะทะกัน จนท.ยิงใส่รถคนร้าย แต่ไม่สามารถหยุดคนร้ายไว้ได้ ขับรถหลบหนีไปไกลร่วม 10 กม. ก่อนจะไปทิ้งรถไว้ในสวนปาล์มอีกแห่ง แล้ววิ่งหลบหนีไป กระทั่งตำรวจตรวจสอบจนทราบผู้ครอบครองรถ และพบว่าคนร้ายเป็นสามีของผู้ครอบครองรถ จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับดังกล่าว.
