รวบทันควันพ่อค้าหมูใช้ท่อแป๊ปเหล็กชิงทองห้างบิ๊กซีท่าตะโก รับสารภาพก่อเหตุเพราะมีปัญหาหนี้สิน
นครสวรรค์-ความคืบหน้ากรณีคนร้ายควงปืนยาวบุกจี้ชิงทองที่ร้านห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างบิ๊กซี สาขา อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ โดยคนร้ายสามารถชิงสร้อยคอทองคำไปได้ทั้งหมด 38 บาท และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้ ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ มาลงจอดที่ลานสนามด้านหน้า สภ.ท่าตะโก เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีดังกล่าว โดยมีการเข้าที่ประชุมเพื่อฟังการสรุปข้อมูลทั้งหมดกก่อนจะมีการเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุยังห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างบิ๊กซวี สาขา อ.ท่าตะโก โดยใช้เวลาตรวจสอบนานเกือบชั่วโมง จึงเดินทางกลับไปร่วมประชุมกับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงาน ที่ สภ.ท่าตะโกอีกครั้ง
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายพบว่า รถกระบะที่คนร้ายได้ก่อเหตุได้ขับหลบหนีเข้าไปในพื้นที่ อ.ไพศาลี จึงได้มีการส่งทีมลงพื้นที่หาข่าวจนสืบทราบตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งเข้าข่ายว่าจะเป็นคนร้าย เนื่องจากได้ไปตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ต้องสงสัยรายนี้ ได้มีการโพสต์รูปภาพรถกระบะ ที่เหมือนกันกับรถที่ใช้ก่อเหตุ ประกอบกับมีพยานที่เป็นแม่ค้าขายรองเท้าอยู่ใกล้กับร้านทองสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน จึงได้มีการนำรูปของผู้ต้องสงสัยรายนี้มาให้ดูเพื่อยืนยัน ซึ่งแม่ค้ารองเท้ายืนยันว่าคนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงทองเป็นบุคคลเดียวกับรูปผู้ต้องสงสัย พร้อมกับระบุว่าคนร้ายรายนี้ เข้ามาในห้างถึง 2 ครั้งก่อนก่อเหตุ โดยรอบแรกเดินทางมาตัวเปล่าในลักษณะเดินลุกลี้ลุกลน แล้วจึงเดินออกไปก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง จึงได้มีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดในการอนุมัติขอหมายจับจากศาลจังหวัดนครสวรรค์
ซึ่งล่าสุดขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย พร้อมยึดรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน กว 3262 นครสวรรค์ ซึ่งเป็นรถลักษณะเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุมาตรวจสอบตั้งแต่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ในเบื้องต้นเจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธ จนกระทั่ง เมื่อช่วงสาย ผู้ต้องสงสัย คือ คนร้าย นายจักรกฤษ เฮงสกุล อายุ 33 ปี ชาว ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี ยอมเปิดปากให้การรับสารภาพว่า เป็นคนควงปืนบุกเข้าจี้ชิงทองร้านทองเยาวราชกรุงเทพจริง และยืนยันว่าก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น
นายจักรกฤษ ยอมรับว่า ประสบปัญหาเรื่องเงิน และมีหนี้สินที่ถูกบังคับให้ต้องชดใช้ ประกอบกับ เพิ่งคบหากับแฟนสาวคนใหม่ จึงทำให้จำเป็นต้องใช้เงินทั้งใช้หนี้และเลี้ยงดูแฟนสาว เลยตัดสินใจขับรถไปลงมือก่อเหตุจี้ชิงทองดังกล่าว ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุขอยืนยันว่าไม่ใช่อาวุธปืนยาวแต่เป็นท่อเหล็กแปปยาว โดยตนได้นำผ้าสีขาวมาห่อหุ้มให้ดูคล้ายว่าเป็นอาวุธปืนยาวไปก่อเหตุ และหลังจากชิงทองมาได้แล้วจึงได้ขับรถกลับไปที่บ้าน เอาทองที่ได้มาไปขุดหลุดฝังไว้ที่ข้างบ้านแต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจบุกเข้ามาจับกุมตัวแบบทันควัน
ด้านพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า คดีนี้ มีการสืบสวนสอบสวน โดยพบว่า ผู้ต้องหา คือนายจักรกฤษ เป็นพ่อค้าขายเนื้อหมูตามตลาดนัด แต่มีพฤติการณ์ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงยังเป็นหนี้สิน โดยที่ผ่านมา นายจักรกฤษจะมีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และชอบใช้ชีวิตหรูหราให้ดูเป็นคนมีฐานะ ส่วนทองคำรูปพรรณ จำนวน 38 บาทที่ถูกชิงไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่สามารถนำของกลางกลับมาคืนได้ทั้งหมดแล้ว จึงจะมีการนำหลักฐานทั้งหมด ทั้งเสื้อผ้า รถยนต์ รวมถึงท่อแป๊ปที่ใช้ผ้าขาวปิดอำพรางให้ดูคล้ายกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ส่งให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาจี้ชิงทรัพย์ก่อนจะดำเนินการให้ขั้นตอนต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: