ลุงชาวนครสวรรค์วัย 65 ปีถูกแจ้งตายพร้อมออกใบมรณบัตรที่จังหวัดนนทบุรี เผยนานกว่า 12 ปี อยู่แบบมีชีวิตกับชื่อที่ตายแล้ว
นครสวรรค์-วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 110/1 พื้นที่หมู่ 3 ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ หลังมีรายงานว่า ที่บ้านหลังดังกล่าว มีชายชื่อนายองอาจ บุญฤทธิ์ อายุ 65 ปี ประสบกับปัญหาความเดือดร้อนมานานกว่า 12 ปี จากการมีใบมรณบัตรเป็นของตนเอง ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้เสียชีวิตแต่อย่างใด จึงส่งผลทำให้ไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนได้ รวมถึงยังไม่สามารถรับการช่วยเหลือค่าสวัสดิการต่างๆ ของรัฐได้ด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่านายองอาจยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี และพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับภรรยา เพียง 2 คน ส่วนลูกๆ ได้ไปมีครอบครัว และทำงานอยู่ที่กรุงเทพกันหมดแล้ว ขณะที่นายองอาจนำเอกสารหลักฐานมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับเปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายปี 2553 ตนได้เดินทางไปติดต่อขอต่ออายุบัตรประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนครสวรรค์ แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับตนว่า ไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนให้ได้ เนื่องจากตนมีใบมรณบัตร ที่ได้แจ้งการตายเอาไว้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2540 โดยมีนายชูชาติ เดชเกล้า ได้แจ้งขอออกใบมรณบัตรไว้ที่เทศบาลนครนนทบุรี ระบุ นายองอาจ บุญฤทธิ์ เสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบ ที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก จ.นนทบุรี และได้แจ้งว่ามีการเคลื่อนย้ายร่างไปทำพิธีฌาปนกิจศพวัดมหาบุศย์ (แม่นาค) เขตพระโขนง กรุงเทพ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540
นายองอาจ กล่าวว่า เมื่อตนทราบเรื่องว่ามีคนแจ้งว่าตนตาย ตนก็รู้สึกตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่มีการแจ้งขอออกใบมรณทั้งที่ตนยังมีชีวิตอยู่ดีปกติทุกอย่าง ซึ่งก็ยังมองว่าอาจจะเกิดการผิดพลาดจากชื่อนามสกุลที่อาจมีคนมีชื่อนามสกุลเดียวกันก็ได้ แต่เมื่อตนได้ขอตรวจสอบเอกสาร กลับปรากฏหลักฐาน ทั้งเลขเลขบัตรประชาชน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เหมือนกับของตนทุกอย่าง ผิดอยู่อย่างเดียว คือชื่อบิดามารดาของตน ไม่ตรงกับที่เขาได้แจ้งไว้
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ทางเทศบาลนครนนทบุรี ไม่สามารถยกเลิกการจำหน่ายการตายได้นั้น นายองอาจ ให้ข้อมูลว่า ทางสำนักทะเบียนเทศบาลนครนนทบุรี ได้ดำเนินการตรวจสอบมรณบัตรของตนแล้ว ไม่สามรารถยกเลิกการแจ้งการตายได้ เนื่องจากข้อมูลรายบุคคลของผู้ที่แจ้ง แม้จะใช้ชื่อและนามสกุล รวมถึงเลขบัตรประชาชน 13 หลักเดียวกับตน แต่ในรายการข้อมูลใช้ชื่อบิดามารดาคนละชื่อ และที่อยู่แตกต่างกัน ทางเขาจึงเชื่อว่าเป็นคนละบุคคลกัน ส่วนสาเหตุที่รายการบุคคลของตนถูกจำหน่ายตายในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร เนื่องจากการปรับปรุงรายการข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง ได้มีการนำเลขบัตรประชาชนของตนมาลงในใบมรณบัตร จึงเป็นเหตุทำให้รายการบุคคลของตน ถูกจำหน่ายตายในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร สรุปคือ ในนามของตน คือคนตายไปแล้ว แต่ตัวจริงยังคงมีชีวิตอยู่
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า นี่ก็ผ่านมา 12 ปีแล้วที่ตนไม่มีบัตรประชาชนใช้ เพราะชื่อขอตนยังไม่ถูกยกเลิกการแจ้งตาย ซึ่งมันทำให้ตนสูญเสียโอกาสหลายอย่าง จะขี่รถออกไปหางานทำที่ไหน ก็ลำบาก กลัวว่าจะถูกจับ เพราะไม่มีใบขับขี่ หนำซ้ำยังประสบกับปัญหาไม่ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่ได้มา 5 ปี ไม่ได้รับการชดเชยเรื่องการเกษตรจากภาครัฐ ไม่มีชื่อรับสิ่งของบริจาคจากภาครัฐและเอกชน จะใช้สิทธิ์ไปเลือกตั้งก็ไม่ได้ อีกทั้ง ยังไม่สามารถขอกู้เงินมาลงทุนจากภาครัฐ หรือจากกลุ่มเอกชนได้ เพราะตนมีชื่อในเอกสารใบมรณบัตร ระบุตนเป็นผู้เสียชีวิต
เมื่อถามถึงบุคคลที่มีชื่อปรากฏไปแจ้งตาย นายองอาจกล่าวว่า ตนไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้านายชูชาติ เดชเกล้า ที่ไปแจ้งตนตายแต่ก็อยากจะฝากบอกไปถึงเขาว่า เรื่องนี้มันทำให้ตนเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องทนทุกข์มานานกว่า 12 ปี จะออกไปทำงานที่ไหน ก็ไปหาทำไม่ได้ ตนต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกต้นไม้ขายไปวันๆ ส่วนภรรยา ก็ต้องมาเดือดร้อนตาม เพราะรายได้ที่ไว้ใช้จ่ายภายในครอบครัวส่วนใหญ่ ภรรยาหามาได้ ก็ต้องเอามาใช้จ่ายภายในบ้านจนเกือบหมด แทบไม่มีเหลือเก็บกันเลย ซึ่งขณะนี้ตนและครอบครัวก็ยังคงหาทางออกไม่เจอเพื่อแก้ปัญหา จึงอยากวิงวอนร้องขอหน่วยงานหรือผู้รู้มีความสามารถท่านใดก็ได้ โปรดให้การช่วยเหลือ ในการยกเลิกใบมรณบัตรของตนด้วย ตนจะได้ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: