จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มในการแพร่กระจายเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น และจนถึงเช้าวันนี้ (25 มี.ค. 63) จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายในประเทศไทยสะสมรวมแล้ว 827 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว จำนวน 4 ราย ประกอบกับในสถานการณ์ดังกล่าวกรุงเทพมหานคร ได้มีการประกาศปิดพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ ส่งผลให้สถานประกอบการหลายแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว ทำให้ประชาชนจำนวนมาก ทั้งพนักงานบริษัท ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงแรงงานในโรงงานต่างๆ ต้องหยุดงาน และต่างทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยจังหวัดลำปางนับเป็นหนึ่งในพื้นที่จุดหมาย ซึ่งผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต้องถือเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง เนื่องจากอาจเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “COVID-19”
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและยับยั้งวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ทางจังหวัดลำปางจึงได้มีการจัดเตรียมมาตรการต่างๆ ไว้เพื่อรองรับ โดยล่าสุดที่ห้องประชุม ชั้น 3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ตำบลหัวเวียง อำเภอเมืองลำปาง นายก่อพงษ์ โกมลรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายพินิจ แก้วจิตคงทอง ปลัดจังหวัดลำปาง ได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในนามคณะทำงาน “ศูนย์อำนวยการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19)” เพื่อติดตามรับทราบข้อมูลประเมินสถานการณ์ระดับพื้นที่ พร้อมเตรียมมาตรการรองรับในการเฝ้าระวังป้องกันโรค เพื่อให้การแก้ไขปัญหาและควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากพบผู้ติดเชื้อหรือพบการแพร่ระบาด
ข่าวน่าสนใจ:
- พระครูแจ้ทำถึง นำเครื่องดื่มรังนกที่ได้รับจากโยมส่งต่อให้ผู้ป่วยพร้อมเงินขวัญถุงปีใหม่ ขณะที่หมอและพยาบาลรับอานิสงส์ด้วย
- กรมอุทยานแห่งชาติฯ ล้อมจับ-ขนย้ายช้างป่าอ่างฤาไนไล่ทำร้ายคนตัดอ้อย จ.ปราจีนบุรี
- ชาวมาเลย์ดวงซวย! ถูกรวบตัวคาห้องพักกลางเมืองโก-ลก พบ"ยาเสพติด" อื้อ!!!
- “คารม” เผย อปท.- กทม. ร่วมใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยโรงรับจำนำ
โดยการเฝ้าระวังท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว ทางคณะทำงานฯ ได้เน้นย้ำถึงแนวทางปฏิบัติภายในเขตพื้นที่ ให้ดำเนินการเป็นไปตามข้อสั่งการในหนังสือประกาศของจังหวัดลำปาง เรื่อง “มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “COVID-19” ฉบับที่ 1 ถึง ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2563, ฉบับที่ 4 ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2563 และฉบับที่ 6 ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2563 ซึ่งครอบคลุมมาตรการปฏิบัติ ทั้งการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน การงดจัดกิจกรรมต่างๆ และการประกาศปิดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค
นอกจากนี้ในส่วนของการขอความร่วมมือจัดทำแผนปฏิบัติการค้นหา เฝ้าระวัง และป้องกันโรค ระดับอำเภอและหมู่บ้าน กรณีผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามหนังสือของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 ทางคณะทำงานฯ ได้เน้นกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการจัดตั้งทีมอาสา “โควิด-19” ระดับอำเภอ หมู่บ้าน เพื่อทำการค้นหาและเฝ้าระวัง พร้อมจัดทำฐานข้อมูลผู้เดินทางกลับ และให้พยายามสร้างความรู้ความเข้าใจให้คำแนะนำถึงวิธีปฏิบัติตนแก่ผู้เดินทางกลับตามมาตรการกักตัว 14 วัน ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ พบว่าขณะนี้ในจังหวัดลำปางได้มีผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวนน้อยมาก โดยปัจจุบันบรรยากาศตามสถานีรถไฟ และสถานีขนส่งผู้โดยสาร ค่อนข้างเงียบเหงาตามชานชาลา จุดจอดรถ ที่นั่งพักผู้โดยสาร รวมถึงตู้เค้าน์เตอร์จำหน่ายตั๋วโดยสาร ของบริษัทเดินรถต่างๆ แทบไม่มีผู้คนเข้ามาใช้บริการ และบางบริษัทได้ประกาศหยุดเดินรถชั่วคราวไปแล้ว
ทั้งนี้
สำหรับสถานการณ์พื้นที่ที่เกี่ยวกับมาตรการติดตามบุคคลที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง ทางจังหวัดลำปางมีรายงานสถิติข้อมูลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 – 23 มี.ค. 63 พบว่าในพื้นที่ทั้งจังหวัดลำปาง มีจำนวนผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลี 169 คน, เดินทางกลับจากประเทศตามประกาศกระทรวง (จีน อิตาลี อิหร่าน) 44 คน, เดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง (29 ประเทศ) 302 คน, มีผู้ใกล้ชิดบุคคลกลุ่มเสี่ยง 158 คน และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 205 คน ในจำนวนนี้มีผู้ผ่านการติดตามเฝ้าระวังทำการกักตัวครบ 14 วัน รวมแล้ว 662 คน ยังเหลือบุคคลที่ต้องติดตามเฝ้าระวัง 216 คน และมีข้อมูลผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กระจายอยู่ในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ รวม 198 คน โดยทั้งหมดเจ้าหน้าที่สามารถติดตามทำการกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการได้ครบทุกคน 100 เปอร์เซ็นต์ และยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดลำปางแม้แต่คนเดียว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: