เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ”หรือพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ “พระพุทธรูปสี่มุมเมือง”ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่บริเวณศาลหลักเมืองจังหวัดลำปาง เขตเทศบาลนครลำปาง ที่ถูกสร้างขึ้น เพียง 4 องค์ และได้นำไปประดิษฐาน ณ จังหวัดสี่ทิศทั่วประเทศไทย ซึ่งจังหวัดลำปางเป็น 1 ใน 4 จังหวัด ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีพลเมืองดีแชร์ภาพ บนนลาฏ(หน้าผาก)ของ ”พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ “พระพุทธรูปสี่มุมเมือง”แต่พระอุณาโลมประดับทับทิมที่ประดับบนนลาฏ (หน้าผาก) สีแดงได้หายไป ลงสอบถามในโลกโชเชียลของจังหวัดลำปาง ทำให้มีคนเข้ามาคอมเมนท์ และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ จึงตรวจสอบข้อเท็จจริง
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พบกับนายเทพไท อนุโมทนา อายุ 51 ปี ชาวบ้านแป้น ม.8 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เป็นคนดูแลมีหน้าที่เปิดปิดประตูและทำความสะอาดสถานที่ประดิษฐานของ “หลวงพ่อดำ” หรือพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ และได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงข้อเท็จจริงกรณีพระอุณาโลมประดับทับทิมที่ประดับบนนลาฏ (หน้าผาก) พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศที่หายไป ว่า ยอมรับว่า พระอุณาโลมประดับทับทิมที่ประดับบนนลาฏ (หน้าผาก) พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ที่กล่าวถึงนั้นหายไปจริง และหายเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 ปีที่แล้ว ก่อนจะพาผู้สื่อข่าวขึ้นไปดูภายใน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและนำชี้ที่บริเวณบนนลาฏ (หน้าผาก) พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ พบว่าหายไปจริงโดยมีการนำเอาทองเปลวไปแปะแทน
นายเทพไทเปิดเผยอีกว่า เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 มีผู้หญิงสองคน ได้ขึ้นไปกราบไหว้ พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศในวันนั้นได้เข้าสอบถามตนถึง พระอุณาโลมประดับทับทิมที่ประดับบนนลาฏ(หน้าผาก) พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศหายไปไหนซึ่งตนก็ไม่ทราบมาก่อนพอขึ้นไปตรวจสอบพบว่าจริงและนำทองคำเปลวมาแปะไว้แทน ยสยเทพไทเปิดเผยเพิ่มอีกว่า ถึงแม้ตนเป็นคนดูแลก็จริงแต่อาศัยเพียงขายดอกไม้ธูปเทียนเท่านั้นแต่ยอมรับว่าอยู่ที่นี่มานานกว่า 20 ปีแล้วโดยไม่ได้ค่าจ้างจากใคร พอทราบว่า
พระอุณาโลมประดับทับทิมที่ประดับบนนลาฏ(หน้าผาก) นั้นหายไปตนก็ไม่รู้ว่าจะไปแจ้งใครจึงปล่อยล่วงเลยถึงทุกวันนี้ จนกระทั่งมีคนมาสอบถามดังกล่าว ซึ่งตนก็พร้อมให้ข้อมูลทกคนเท่าที่จะให้ได้ แต่คนที่เอาไปต้องกลายเป็นคนบาปแน่นอนนายเทพไทกล่าวสำหรับพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ “พระพุทธรูปสี่มุมเมือง” ซึ่งมีอยู่ 4 องค์ ถูกจัดสร้างขึ้นตามความเชื่อและโบราณประเพณีของบ้านเมืองที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องขอบขัณฑสีมาทั้งสี่ทิศ โดยการสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศนั้นเป็นการสร้างพระพุทธรูปแบบ “จตุรพุทธปราการ” กล่าวคือ เป็นการนำเอาวัดหรือพระพุทธรูปเป็นปราการทั้งสี่ด้าน เพื่อปกป้องภยันตรายจากอริราชศัตรู ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมสร้างดวงชะตาแก่บ้านเมืองและคุ้มครองพสกนิกรทั้งมวลให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขรปะดิษฐานอยู่ในมณฑป ซึ่งเป็นอาคารทรงไทยแบบจตุรมุข หน้าศาลากลางหลังเก่าจังหวัดลําปาง เป็นพระพุทธรูป สร้างด้วยโลหะผสมร่มดําทั้งองค์ปางสมาธิ ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อดํา จัดสร้างโดยกรมการรักษาดินแดนเมื่อปี พ.ศ.2511 มี 4 องค์ เพื่อนําไปประดิษฐานไว้ 4 ทิศของประเทศ โดยทางทิศเหนือได้นํามาประดิษฐานไว้ ณ จังหวัดลําปาง นับเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ปิดทองเกือบทั้งองค์ โดยสาธุชนที่มานมัสการ
ข่าวน่าสนใจ:
- ชายวัย 50 ปี เปลี่ยนถังแก๊สเอง จุดเตาทำกับข้าวไฟพรึ่บคลอกเจ็บหนัก
- พิธีเปิดนิทรรศการฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์และสัตว์ร่วมยุคในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
- ระทึก ไฟไหม้โรงงานผลิตกล่องโฟมใส่อาหารหวิดวอดหมดหลัง
- คอกาแฟแห่เที่ยวงานพังงาคอฟฟี่เจอร์นี่ ซีซั่น 3 ภายใต้รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Coffee in the Park ในสวนสมเด็จฯพังงา
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเททอง ณ กรมการรักษาดินแดน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2511 และได้โปรดเกล้าฯพระราชทานแก่ตัวแทนจากทั้ง 4 จังหวัด เพื่อนำไปประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประจำทิศทั้งสี่ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2511
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: