สองสามีภรรยาลำปางปลูกพืชผักสวนครัวเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ
เกษตรกรใช้พื้นที่แปลงปลูกสวนเกษตร ในพื้นที่ชุมชนบ้านนายาง หมู่ที่ 8 ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ปลูกพืชผักสวนครัวเป็นอาชีพ สร้างได้เลี้ยงครอบครัว โดยจัดสรรพื้นที่ทำการขึ้นแปลง ลงกล้าพันธุ์ผักไว้หลากหลายชนิดเช่นผักกาด คะน้า กะหล่ำดอก และผักสลัด เป็นต้น วิธีการปลูกเลือกที่จะใช้เทคนิควิธีตามแบบธรรมชาติ เพื่อให้พืชผักที่ปลูกเป็นผักเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษเลี้ยงชีพและสร้างรายได้ นายบุญธรรม เครือวิเสน อายุ 73 ปี และนางบัววิน เครือวิเสน อายุ 68 ปี สองสามี ซึ่งทั้งสองได้กล่าวให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ครอบครัวของตากับยายเป็นครอบครัวเกษตรกรรมได้ประกอบอาชีพปลูกผักสวนครัวจำหน่ายมานานแล้ว แต่เดิมได้ทำการปลูกพืชผักแบบใช้สารเคมีร่วม ต่อมาได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ เข้ามาช่วยสอนในเรื่องของการทำเกษตรปลอดสารพิษ ครอบครัวของตนเห็นว่าเป็นวิธีการที่ดี จึงได้ทำตามเรื่อยมา ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างต้องคอยศึกษาปรับปรุงหาวิธีการใหม่ๆ เพิ่มเติม จนเมื่อปี 2560 ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานศูนย์การศึกษานอกระบบฯ (กศน.) เชิญชวนให้เข้าร่วมกลุ่มทำการเกษตรแบบธรรมชาติ โดยได้เข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมความรู้และได้นำมาทดลองทำ ตามรูปแบบวิธีการที่ได้เรียนรู้มา ซึ่งก็ได้ผลเกินคาดนับแต่นั้นจึงได้ยึดเป็นหลักปฏิบัติใช้ในการประกอบอาชีพมาจนถึงปัจจุบัน
ข่าวน่าสนใจ:
ด้วยวิธีการทำการเกษตรแบบธรรมชาติ ตามที่กล่าวมา ทำให้พบว่าในพื้นที่สวนแปลงผักของ ตากับยาย มีพื้นที่บางส่วนได้ถูกปกคลุมไปด้วยพงหญ้ารก แต่ยังคงมีผลผลิตจากพืชผลที่ปลูกไว้ ปรากฏให้เห็นไม่ว่าจะเป็นมะเขือเปราะ มะละกอ ฟักทอง หรือแม้แต่ดอกอัญชัน ซึ่งพืชแต่ละชนิดยังคงให้ผลผลิตที่สมบูรณ์ลูกดก ผลโต ดอกใหญ่ โดยตาบุญธรรมฯ ได้กล่าวว่า ในส่วนนี้เป็นหลักวิธีการของการทำเกษตรแบบธรรมชาติ คือ ปล่อยให้พืชทุกอย่างแมลงทุกชนิดช่วยเหลือและดูแลกันเองหมุนเวียนไปตามวัฏจักร เพียงแต่ต้องคอยดูแลในการปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ เหมือนกับดินในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์เองตามธรรมชาติ จากการที่ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดจากการทำการเกษตรแบบต้องดูแลทุกขั้นตอนการผลิต มาเป็นการทำการเกษตรแบบใช้ธรรมชาติดูแล ทำให้ครอบครัวของตาบุญธรรมฯ มีความสุขในการประกอบอาชีพมากยิ่งขึ้น มีเวลาว่างเหลือมากพอที่จะไปทำงานอื่นๆ มีความสุขอยู่กับสภาพร่างกายที่แข็งแรงปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บอันเป็นผลกระทบเนื่องมาจากการใช้สารเคมี และครอบครัวยังมีรายได้ที่ต่อเนื่องยั่งยืน โดยในส่วนนี้ ตาบุญธรรมฯ ได้กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้หันมาทำการเกษตรแบบอินทรีย์ธรรมชาติ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ประกอบกับความยึดมั่นซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ที่จะไม่มีการรับพืชผลผลิตจากแหล่งอื่น ที่ไม่ได้ทำการเพาะปลูกเองมาจำหน่ายโดยเด็ดขาด ได้ช่วยให้พืชผลที่ปลูกเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการของตลาด จนบางครั้งผลผลิตที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ซึ่งสำหรับในเรื่องของรายได้ ตาบุญธรรมฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้ครอบครัวของตนได้ทำการเกษตรปลูกพืชผักชนิดต่างๆ โดยได้อาศัยเช่าพื้นที่จำนวน 2 ไร่ๆ ละ 1,000 บาท/ปี ใช้ทำเป็นสวนแปลงผักปลูกพืชผักสวนครัวไว้เกือบทุกอย่าง ทำให้ครอบครัวแทบจะไม่ต้องเสียเงินเพื่อใช้จ่ายในเรื่องของค่าอาหาร เพราะภายในสวนผักแห่งนี้มีทุกอย่างอยู่ครบ แถมพืชผักในสวนก็ได้นำไปขายมีรายได้มากพอสมควร
โดยปัจจุบันครอบครัวของตาบุญธรรมกับยายบัววิน เครือวิเสน มีรายได้หลักนอกจากการปลูกผักสวนครัวจำหน่ายแล้ว ยังมีรายได้เสริมจากการแปรรูปดอกอัญชันจำหน่าย ทั้งสบู่ ครีมอาบน้ำ แชมพู ครีมนวด รวมไปถึงดอกอัญชันตากแห้ง และด้วยผลผลิตที่เป็นแบบอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้ผลิตภัณฑ์แปรรูปมีประสิทธิภาพตามสรรพคุณของพืชสมุนไพร มีชาวบ้านซื้อไปใช้ได้ผลจริง จึงมีการบอกต่อกันปากต่อปาก เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ชอบดูแลสุขภาพ ทั้งนี้สำหรับประชาชนผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 09-5161-8817 (นายบุญธรรม เครือวิเสน)
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: