นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายชาญ จูดคง นายอำเภอแจ้ห่ม นำทีมหัวหน้าหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำภาพรวมในอ่างเขื่อนใหญ่ของจังหวัดลำปาง “เขื่อนกิ่วคอหมา” ทั้งนี้เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาจังหวัดลำปางได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตามแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ กว่า 130 แห่ง ในเขตพื้นที่ทั้งอ่างกักเก็บน้ำขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีปริมาณน้ำกักเก็บเต็มความจุ โดยเฉพาะเขื่อนกิ่วคอหมาที่มีรายงานปริมาณน้ำกักเก็บสูงเกินกว่าระดับ 100% และปัจจุบันยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าตัวเขื่อนต่อเนื่อง
โดยล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนกิ่วคอหมา เพื่อจะประเมินสถานการณ์น้ำในภาพรวม และหารือพิจารณาวางแผนการบริหารจัดการน้ำที่มีปริมาณมากอยู่ในขณะนี้ กับหัวหน้าหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการลงพื้นที่ติดตาม ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้รายงานถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในเขื่อนกิ่วคอหมาได้อยู่ในระดับทรงตัว มีปริมาณน้ำไหลเข้าน้อยกว่าปริมาณน้ำไหลออกเล็กน้อย โดยคาดว่าช่วงหลังจากนี้บริเวณพื้นที่ภาคเหนือจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว และจะไม่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพายุหรือร่องมรสุมอีก ซึ่งภาพรวมจะทำให้มวลน้ำในพื้นที่เริ่มน้อยลงและปริมาณน้ำกักเก็บภายในเขื่อนก็จะค่อยลดระดับลงตามลำดับ ขณะที่ปัจจุบันเขื่อนกิ่วคอหมา มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ประมาณ 191 ล้าน ลบ.ม. เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 112% ของความจุอ่าง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับปกติ เนื่องจากเขื่อนกิ่วหมายังสามารถที่จะกักเก็บน้ำได้สูงกว่านี้ถึงระดับ 140-150% ของความจุอ่าง
โดยจากข้อมูลรายงานภาพรวม นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำกักเก็บที่มีอยู่ในเขื่อนกิ่วคอหมาตอนนี้ แม้ระดับน้ำจะสูงเกินกว่า 100% แต่เขื่อนกิ่วคอหมายังสามารถที่จะรองรับปริมาณน้ำได้อีกจำนวนมาก ส่วนสภาพตัวเขื่อนก็ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ไม่มีรายงานความชำรุดเสียหาย ขณะที่เขื่อนกิ่วลมซึ่งเป็นเขื่อนตอนล่างรองรับปริมาณน้ำจากเขื่อนกิ่วคอหมาปัจจุบันมีระดับน้ำกักเก็บอยู่ที่ประมาณ 102 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 96 ของความจุ
ส่วนการระบายน้ำทั้งสองเขื่อนได้มีการยกระดับเปิดประตูระบายน้ำตามเกณฑ์ปกติ โดยการระบายน้ำปัจจุบันจะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ลุ่มน้ำท้ายเขื่อน แต่จากปริมาณน้ำกักเก็บดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการ นำน้ำมาใช้ภายในเขตพื้นที่จังหวัดได้อย่างเพียงพอตลอดช่วงหน้าแล้ง ทั้งใช้น้ำเพื่อกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และในภาคอุตสาหกรรม เฉพาะอย่างยิ่งภาคการเกษตรในเขตพื้นที่ชลประทานลุ่มน้ำวัง ปีนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งอย่างแน่นอน
