นพ.นพรัตน์ วัชรขจรกุล นายแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านเวชกรรมป้องกัน เปิดเผยว่า สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในจังหวัดลำปาง พบเห็นพฤติกรรมเยาวชนสูบบุหรี่ตามสถานที่สาธารณะ จากงานวิจัยจำนวน 10,369 ชิ้น พบว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำความเสียหายต่อระบบหายใจ และเลือด ระบบไหลเวียนของเลือด บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนติดนิโคติน เพิ่มขึ้นในบางประเทศ และเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีแนวโน้มที่จะสูบบุหรี่ธรรมดาอีกด้วย
การขาย นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ครอบครอง หรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดตามกฎหมาย โดยกรณีผู้ขาย หรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีผู้ครอบครอง หรือ รับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรจะมีความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซื้อ รับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.นพรัตน์ กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือชาวลำปาง ช่วยกันหยุดการเกิดนักสูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่ ไม่ชักชวนเพื่อน ญาติ หรือคนในครอบครัวให้ลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ใดพบเห็นการจำหน่าย หรือการให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า บารากู่ หรือ บารากู่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 (ในวัน และเวลาราชการ) และผ่านระบบออนไลน์ ได้ที่ “ระบบร้องทุกข์ผู้บริโภค” หรือ โมบายแอปพลิเคชั่น “OCPB Connect ” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ แจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ที่พบการขายบุหรี่ไฟฟ้า
