ตำรวจ นิติกร ป่าไม้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินพิพาทพื้นที่บ้านเอื้อมลำปาง
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 กันยายน 2561 พ. ต.อ.รัฐการ สุรงคบพิตร ผกก.สภ.บ้านเอื้อม พ.ต.ท.กิตติพงษ์ กังสาลไกล รองผกก.สส.ฯพ.ต.ท.เมฆ ชะนะดัง รองผกก.ปป . นำกำลัังเจ้าหน้าที่ สายตรวจ ชุดสืบสวน ลงตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับปลัด อบต.บ้านเอื้อม นิติกร อบต.บ้านเอื้อม จนท.ป่าไม้ ตรวจสอบ ที่ดินพิพาท เขตเชื่อมต่อ หมู่ที่ 3(บ้านสัก) หมู่ที 4 (ห้วยลึก) และ หมู่ที่ 7 (แม่เฟือง) ต.บ้านเอื้อม จำนวน 3 แปลง มีเนื้อที่ประมาณ 400 ไร่ ตามคำร้องขอความเป็นธรรม ต่อ ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดลำปาง เพื่อ แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2561 ที่บริเวณป่าชุมชน(สปก.) เขตบ้านสัก ม.3 ต.บ้านเอื้อม อ.เมือง จ.ลำปาง ชาวบ้านสัก ม.3 บ้านห้วยลึก ม.4 และอีกหลายหมู่บ้านได้พากันมารวมตัวเพื่อพาผู้สื่อข่าวเข้าไปดูพื้นที่ป่าชุมชน ที่อ้างว่าชาวบ้านใช้ประโยชน์เป็นที่ทำกิน มานานหลายสิบปีและกำลังถูกกลุ่มนายทุนรวมถึงผู้นำท้องถิ่นบางคนในพื้นที่ ออกมาเคลื่อนไหวและกดดันให้ชาวบ้านที่ใช้ประโยชน์ที่ป่าชุมชนแห่งนี้ย้ายออกไปโดยอ้างว่าจะมีบริษัทที่ได้รับสัมปทานป่าชุมชนแห่งนี้จะเข้ามาดำเนิน การจากนั้นชาวบ้านได้พาผู้สื่อข่าวไปดูพื้นที่ปาชุมชนที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์เป็นที่ทำกินพื้นที่กว่า150ไร่ โดยส่วนใหญ่จะปลูกมันสำปะหลังจนเต็มพื้นที นายศรีรัตน์ สมกุล อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 บ้านห้วยลึกม.4 ต.บ้านเอื้อม อ.เมือง จ.ลำปาง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่แห่งนี้พวกเราทำมาก่อนมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่มานานแล้วเราจับจอบมากินมาก่อนแล้ว แต่ก่อนมีบริษัทมาสัมปทานพื้นที่แห่งนี้ แต่ปัจจุบันได้หมดสัญญาการสัมปททานแล้ว แต่ขณะนี้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาแผ้วถางพื้นที่ใกลัเคียงและอ้างว่าที่จับจองที่ทำกินของชาวบ้าน ลุกล้ำและทับที่สัมปทานของเขา และขู่ว่าจะมีผู้ที่ได้รับสัมปทานจะมาเอาที่คืนทั้งที่หมดสัมปทานไปแล้วจะมาเอาคืนได้อย่างไร ซึ่งตนชาวบ้านกับชาวบ้านได้เดินทางไปที่อุตสาหกรรมจังหวัดลำปางเพื่อไปสอบถามว่าพื้นที่ป่าชุมชนทั้งสองแปลงแห่งนี้ได้รับการสัมปทานหรือไม่อย่างไร ซึ่งทางอุตสาหกรรมจังหวัดลำปางบอกกับเราว่า พื้นที่ป่าชุมชนหรือพื้นที่อื่นในตำบลบ้านเอื้อม ไม่มีการอนุญาตให้ต่อใบอนุญาตสัมปทานสักแปลง ซึ่งหลังจากทราบว่า ไม่มีการอนุญาตให้หรือต่อใบอนุญาตสัมปทาน ทางตนกับชาวบ้านได้หนังสือรับรองจากอุตสาหกรรม แต่เจ้าหน้าที่ให้ทำเรื่องขึ้นมาและทางอุตสาหกรรมจังหวัดก็จะทำหนังสือยินยันให้ว่าพื้นที่ป่าชุมชนทั้งสองแปลงได้หมดสัมปทานไปแล้ว ซึ่งตนกับชาวบ้านได้มาปรึกษาผู้ใหญ่บ้านและจะทำเรื่องส่งไปให้อุตสาหกรรมต่อไป ซึ่งหากกลุ่มนายทุนและผู้นำบางคนมาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านชาวบ้านก็จะต่อสู้เพื่อรักษาที่ทำกินที่ทำมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายพ่อกันแม่มานานให้คงอยู่และชาวบ้านจะได้ประโยชน์ทำกินต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: