เมื่อเวลา 07.00 น.เช้าวันที่ 24 ก.ย.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.งาวลำปาง พร้อมตำรวจทางหลวงหน่วยบริการประชาชนงาว แพทย์เวรฯโรงพยาบาลงาว เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยงาว เจ้าหน้าที่มูลนิธิลือชาเดินทางตรวจสอบถนนงาว-พะเยาหลักกิโลเมตรที่ 798 เขต บ้านห้วยอูน ต.ปงเตา อ.งาว จ.ลำปาง ขาไปพะเยา เพื่อร่วมกันชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือผู้ไดรับบาดเจ็บ หลังรับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถโรงพยาบาลชนตันไม้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถตู้ฉุกเฉิน1669สีขาว มีสต๊กเกอร์ติดฝาข้างรถและท้ายรถ”มูลนิธิลือชาท่าวังทอง”หมายเลขทะเบียน นข- 6229 สุราษณร์ธานี เป็นรถร่วมของมูลนิธิชาพะเยา เสียหลักชนต้นไม้เกาะกลางถนน สภาพรถพังยับเยินทั้งคัน หลังคาเปิด ตัวรถพับงอเป็นเศษเหล็ก จากการตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส1รายเสียชีวิตคาที่ 2 ราย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำคนเจ็บซึ่งเป็นผู้หญิงส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ส่วนผู้เสียชีวิต2ราย รายแรกเป็นผู้ชายเป็นคนขับเสียชีวิตติดคาซากรถ เจ้าหน้าที่มูลนิธิลือชาต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมาจากรถส่วนรายที่2 กระเด็นออกจากรถเสียชีวิตข้างถนน เบื้องต้นทราบว่าเป็นพยาบาลหญิงก่อนจะได้รับรายงานว่าคนเจ็บได้เสีนชีวิตที่โรงพยาบาลรวมเสียชีวิตทั้งหมด 3ราย
จาการตรวจสอบหลักฐานทราบว่าคนขับทีเสียชีวิตชื่อนายพงศ์สุทธิ์ ศรีพรม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 548 ม.15 ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา เป็นเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลพะเยา เป็นลูกข่ายมูลนิธิลือชาพะเยา ส่วนอีกสองคนเป็นพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลพะเยา ทราบต่อมาชื่อนางอังสุมาลิน รักชาติ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 ถนนศรีจอมเรือง ต.เวียง อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา และนางสาวพัชลิตา หงษา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ม.3 ต.บ้านหวด อ.งาว จ.พะเยา
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ทั้ง3คนได้เดินทางกลับจากส่งผู้ป่วยที่จังหวัดพิษณุโลก โดยนายพงศ์สุทธิ์ ศรีพรม ได้นำรถตู้ส่วนตัวซึ่งเป็นรถฉุกเฉินและเป็นรถรถร่วมมูลนิธิลือชาพะเยา ไปส่งผู้ป่วยโดยมีนางอังสุมาลินและนางสาวพัชลิตา ซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลพะเยา ร่วมไปส่งผู้ป่วยด้วย ระหว่างเดินทางกลับพะเยามาถึงที่เกิดเหตุคาดว่าคนขับอาจจะหลับในทำให้รถเสียหลักชนต้นไม้อย่างแรงทำให้รถพังยับเยินทั้งคันและเสียชีวิตทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบอาวุธปืนไม่ทราบขนาดอีก1กระบอกในรถซึ่งได้ตรวจยึดไว้ตรวจสอบส่วนสาเหตุที่แท้จริงที่เกิดอุบัติเหตุจะได้หาสาเหตุต่อไป (เครดิตภาพมูลนิธิลือชาพะเยา)
