ตำรวจ ทหาร ร่วมกันแถลงผลการปฎิบัติงานในรอบ 5 เดือน มีความคืบหน้าในหลายคดี
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมยะลารวมใจ กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.วรพล วรนันท์ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นายอิสระ ละอองสกุล ผู้ช่วยเลขาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ และ หัวหน้ากองกำลังตำรวจทั้ง 3 จังหวัด และ 4 อำเภอสงขลา พร้อมทั้งหัวหน้าหน่วยต่าง ๆ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีสำคัญ ในรอบ 5 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.61 – ก.พ.62 ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า ตามนโยบายของกองอานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ให้ความสำคัญกับ มาตรการในการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย และการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งได้กาหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องดาเนินการในปีงบประมาณ 2562 ในส่วนของกองกาลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับมอบหมายภารกิจในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นในเขตเมืองเศรษฐกิจ 8 เมืองหลัก อำเภอนาร่องตามโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” และในพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายให้บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส เสมอภาคและสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชน รวมทั้งมีความรวดเร็ว โดยให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ทราบคดี และตัวผู้กระทำผิดโดยใช้งานด้านนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก รวมถึงการแก้ไขปัญหาภัยแทรกซ้อน โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปัจจุบัน กลุ่มขบวนการผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่ จชต. จะใช้ผู้ก่อเหตุเป็นคนอายุมาก 30 ปีขึ้นไป ในการทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ที่ลงมือก่อเหตุ เช่น โปรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ ตรวจสอบได้จาก คดีคนร้ายเตรียมก่อเหตุยิงไทยพุทธในพื้นที่ จ.ยะลา คดียิง อส. ในโรงเรียน 4 ศพ ในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งแตกต่างจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้สนับสนุนการก่อเหตุจะเป็นสมาชิกขบวนการที่อายุน้อย เป็นวัยรุ่นในการให้การช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ จึงพิสูจน์ได้ว่า นโยบายของ ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ที่ร่วมมือกันปฎิบัติการเชิงรุก ประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง ทำให้กลุ่มขบวนการไม่สามารถฝึกสมาชิกใหม่มาสนับสนุนการก่อเหตุได้ทัน จึงต้องหันไปใช้คนรุ่นเก่า ๆ มาช่วยสนับสนุนการก่อเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
ในช่วงเดือน ธ.ค. 61 – ก.พ. 62 มีเหตุความรุนแรงหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ จชต. โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สงขลา กับ ปัตตานี และอีกกลุ่ม คือ นราธิวาส ซึ่งสามารถอธิบายเหตุผลของสถานการณ์ช่วงดังกล่าวได้ โดยคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สงขลา และ ปัตตานี นั้น เกิดเนื่องจากมีเหตุระเบิดนางเงือกและเจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบตัวคนร้ายและเข้าควบคุมญาติของแกนนาขบวนการ ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าของขบวนการในเขตพื้นที่ สงขลา และ ปัตตานี ทำให้มีการตอบโต้ทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแกนนำคนดังกล่าวเป็นแกนนำระดับหัวหน้า สามารถสั่งการได้หลายพื้นที่ ทำให้เกิดเหตุในหลาย ๆ จุดต่อเนื่องกัน ในส่วนของพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้งนั้น เกิดจากการตอบโต้การกระทำของเจ้าหน้าที่ในการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่บนภูเขา โดยเจ้าหน้าที่ ได้มีการเข้าตีฐานของ ผกร. บนเขา 3 ครั้ง ผกร. เสียชีวิต 3 ศพ จึงทาให้กลุ่ม ผกร.ตอบโต้การทางานของเจ้าหน้าที่โดยก่อเหตุ โจมตีฐาน ชคต.กาลิซา อ.ระแงะ วางระเบิด ทหารพราน ฉก.ทพ.48 พื้นที่ อ.สุไหงปาดี ยิงเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ พื้นที่ อ.สุไหงปาดี ซึ่งเป็นผลจากการปฎิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ในการกดดันกลุ่ม ผกร. ให้ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้
“คดีความมั่นคง ที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ จชต. ตั้งแต่เดือน ตค.61 – กพ.62 มีจานวนทั้งสิ้น 63 คดี แบ่งเป็น จ.ยะลา มั่นคง เกิด 14 คดี ออกหมายจับ 42 หมาย จับกุม 13 คน จ.ปัตตานี มั่นคง เกิด 17 คดี ออกหมายจับ 36 หมาย จับกุม 15 คน วิสามัญ 2 ศพ จ.นราธิวาส มั่นคง เกิด 24 คดี ออกหมายจับ 10 หมาย จับกุม 5 คน วิสามัญ 3 ศพ และ จ.สงขลา มั่นคง เกิด 8 คดี ออกหมายจับ 6 หมาย จับกุม 2 คน วิสามัญ 1 ศพ รวมทั้งสิ้นคดีความมั่นคง 63 คดี ออกหมายจับทั้งหมด 94 หมาย จับกุม 35 คน วิสามัญ 6 ศพ สำหรับพื้นที่ จ.ปัตตานี มีเหตุความมั่นคงเกิดขึ้น 17 คดี ออกหมายจับได้ 36 หมาย ผู้ต้องหา 36 คน จับกุมแล้ว 15 คน ยังคงหลบหนี 21 คน การดำเนินการออกหมายจับในคดีเก่า ออกหมาย 27 หมาย วิสามัญคนร้ายได้ 2 คนการปฎิบัติการเชิงรุก ปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 1574 ครั้ง ควบคุมผู้ต้องสงสัย จำนวน 101 คน พื้นที่ จ.นราธิวาส มีผลการปฏิบัติที่สำคัญเกี่ยวกับคดีความมั่นคง 5 คดี ออกหมายจับ จำนวน 10 หมาย จับกุมแล้ว จำนวน 5 ราย หลบหนี จำนวน 5 ราย วิสามัญฆาตกรรม จำนวน 3 ราย” ผบช.ภ.9 กล่าว
พลตำรวจตรี รณศิลป์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ประจำปีงบประมาณ 2562 ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 9 จับกุมจำนวน 22 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 40 คน รวมของกลางยาเสพติด ยาบ้า จานวน 6,224,771 เม็ด ยาไอซ์ 354.6 กิโลกรัม เฮโรอีน 19.818 กิโลกรัม ซึ่งได้ทำการตรวจยึดทรัพย์เพื่อดาเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทาผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มูลค่าประมาณ 23,418,463 บาท สำหรับการจับกุมนักค้ายาเพสติดรายสาคัญที่มีปริมาณยาเสพติดของกลางเป็นจานวน สามารถจับกุมได้ จานวน 17 เครือข่าย ผู้ต้องหา 35 คน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: