ยะลา – ชาวบ้านบันนังสตา ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 2550 ร้อง คสช. ให้ช่วยเหลือ ตรวจสอบ หลังได้รับเงินเยียวยาไม่ครบ ในขณะที่ ปปช.ยะลา ลงพื้นที่รับฟังข้อมูล ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอบันนังสตา มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550 ในพื้นที่ หมู่ 5 บ้านภักดี ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จำนวน 8 คน และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 จำนวน 2 คน
เดินทางเข้าพบ นายพายัพ คชพลายุก ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จังหวัดยะลา (ปปช.ยะลา) เพื่อให้ปากคำถึงการรับเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผู้ได้รับผลกระทบทั้ง 10 คน ระบุว่าได้รับเงินเยียวยาฯ ไม่ครบจำนวน
นายฮาลีม อาลีมามะ อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์บ้านภักดี ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550 เปิดเผยว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อขอความเป็นธรรม จาก คสช. หลังจากที่ตนและชาวบ้านถูกยิง ตั้งแต่ปี 50 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 11 ปี แล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรทางคดี และทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ได้ให้ความสำคัญ และดูแล
ข่าวน่าสนใจ:
จนถึงวันนี้เมื่ออยู่ในช่วงของรัฐบาล คสช. จึงต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้มาดูแล และติดตาม ให้คดีสิ้นสุด เพราะคดีบ้านภักดี ในความรู้สึกของชาวบ้าน และของตนเอง รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า ไม่เคยถึงชั้นศาล เนื่องจาก ตนเองถูกลอบยิง และตนเองก็เป็นพยานชี้ภาพ ผู้ที่กระทำ แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า นี่คือสิ่งมที่ชาวบ้านไม่เข้าใจ จึงมาขอให้ทาง คสช. ช่วยเหลือ
“กรณีเหตุที่บ้านภักดี ก็ได้มีการเดินเรื่องตั้งแต่สมัยนายกยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศให้เงินเยียวยา 7.5 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่กระทำ จึงได้รวมตัวไปประสานที่ ศอ.บต.เพื่อขอความเป็นธรรม และเงินเยียวยา ที่รัฐบาลประกาศให้ แต่ทาง ศอ.บต. ในช่วงแรก ก็รับปากว่าเข้าข่ายว่าเป็นผู้ถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่ และสุดท้ายก็มาแจ้งว่า ไม่เข้าข่ายดังกล่าว และได้จ่ายเงินเยียวยา 4.5 ล้านบาท และชาวบ้านทั้งหมด
ก็ได้สรุปบัญชีว่ายอดเงินที่ได้มาเป็นจำนวนเท่าไหร่ บางรายได้รับครบ บางรายได้ไม่ครบ จึงอยากให้ทาง คสช. ตรวจสอบให้ชัดเจนว่า เงินเยียวยาที่จะให้ครบหรือไม่ และยอดเงินจาก 7.5 ล้าน ทำไมถึงให้ 4.5 ล้าน เรื่องนี้ชาวบ้านไม่เข้าใจ ว่าเมื่อบอกว่า ไม่เข้าข่ายได้รับ 7.5 ล้าน แล้วทำไมถึงได้ 4.5 ล้าน” นายฮาลีม กล่าว
นายฮาลีม ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุที่ผ่านมา ตนเองยังไม่เคยไปขึ้นศาล แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆที่ตนเองเป็นเจ้าทุกข์ และเจ้าหน้าที่ได้เรียกไปให้ปากคำเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร ชาวบ้านจึงรวมตัวกันไปขอความช่วยเหลือจากทนายความมุสลิม ให้ลงมาช่วยติดตาม แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ตนเองอยากให้มีความคืบหน้าทางคดี และที่อยากได้ที่สุดคืออยากได้ความเป็นธรรม และคสช ได้รับปากว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านที่ทุกข์ร้อน และจะคืนความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน
ด้านนายพายัพ คชพลายุก ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จังหวัดยะลา (ปปช.ยะลา) เปิดเผยว่า ทาง ปปช. ได้รับเรื่อง การจ่ายเงินเยียวยาของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ โดยประเด็นอยู่ที่ว่า การจ่ายเงินเยียวยาไม่ครบ หรือได้รับไม่ครบถ้วนตามสิทธิที่เจ้าตัวเข้าใจ และเมื่อมีการร้องเรียนเข้าสู่ กระบวนการ ปปช. เหมือนคล้ายกับว่ามีการทุจริต จึงเป็นหน้าที่ของ ปปช.ยะลา ในการรวบรวมพยานหลักฐานว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ในเบื้องต้นยังไม่สามารถชี้มูลความผิดว่าฝ่ายใดผิด จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย ในเบื้องต้นได้รับข้อมูลจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบประมาณ 10 กว่าราย แต่อย่างไรก็ตาม ทาง ปปช.ยะลา ก็จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เพราะ ปปช.ไม่มีหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าใครผิดใครถูก ต้องทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏชัดว่าผิดหรือถูก ให้ชัดเจน และเมื่อสำนวนเสร็จสอบสวนเสร็จก็จะมีกระบวนการขั้นต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: