โฆษกกองทัพภาค 4 ยืนยันไม่ได้ประกาศเคอร์ฟิวส์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเผย หลักฐานในที่เกิดเหตุเชื่อมโยงเหตุรุนแรงในพื้นที่ เชื่อตระกูล “หลำโซ๊ะ” นำทีมร่วมปฎิบัติการ
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2562 เวลา 09.30 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองทัพภาค 4 เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้ประกาศเคอร์ฟิวส์ทั่วพื้นที่เพื่อตามล่ากลุ่มโจร BRN ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญสังหารหมู่ประชาชน 15 ศพ เมื่อวันที่ 5 พย. ที่ผ่านมานั้น ทั้งนี้การนำเสนอข่าวดังกล่าวอาจสร้างความสับสน และความตื่นตระหนกแก่พี่น้องประชาชน โดยภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้บูรณาการกำลังเข้าบังคับใช้กฏหมายขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยปัจจุบันหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถระบุกลุ่ม และตัวบุคคลที่ร่วมก่อเหตุได้แล้วจำนวนหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างเข้ากดดันและติดตามจับกุมในพื้นที่ต้องสงสัยในหมู่บ้านให้การสนับสนุน พื้นที่ป่าภูเขานางจันทร์ ช่วงรอยต่อ จ.สงขลา และบ้านเครือญาติ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้ 1 รายเป็นราษฎรพื้นที่ ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับจุดที่คนร้ายก่อเหตุวางระเบิด โปรยตะปูเรือใบและเผายางรถยนต์เพื่อสกัดกั้นการเข้าช่วยเหลือ พร้อมยึดของกลางได้หลายรายการ ขณะที่หลบหนีไปซ่อนตัวที่ อ.ธารโต จ.ยะลา อยู่ระหว่างการซักถามเพื่อขยายเครือข่ายก่อเหตุที่หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี
“กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยืนยันว่า จะใช้มาตรการทางกฏหมายภายใต้อำนาจที่มีอยู่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ปัจจุบันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภายใต้อำนาจทางกฏหมายที่มีอยู่ไม่ได้ถูกจำกัดโดยบุคคล หรือกลุ่มบุคคลจึงไม่มีเหตุผลและความจำเป็นอันใดที่จะต้องประกาศใช้เคอร์ฟิวส์ในพื้นที่ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตามก็ต้องขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันตรวจสอบ และแจ้งเบาะแสกลุ่มคนร้ายให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อเข้าดำเนินการตามกฏหมายต่อไป สำหรับบุคลคลที่คอยให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนหรือให้ที่พักพิง มีความผิดตามกฏหมายในอัตราเดียวกับฐานความผิดของผู้ก่อเหตุรุนแรง” พันเอกปราโมทย์ กล่าว
โฆษก กองทัพภาค 4 ยังกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ปรับแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ทหารเข้าเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และชุมชนให้รัดกุมมากขึ้น ทั้งนี้เพราะชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.)เป็นเพียงประชาชนจิตอาสา ที่เสียสละและอุทิศตน เข้ามาช่วยกันดูแลความปลอดภัยชุมชนของตนเอง ไม่ใช่เป็นกองกำลังติดอาวุธฝ่ายพลเรือนดังที่องค์กรแนวร่วมและกลุ่มเปอร์มาส นำมาบิดเบือนเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการBRN ดังที่ปรากฏให้เห็นในช่วงที่ผ่านมา
“สำหรับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ในส่วนของปลอกกระสุนปืน เบื้องต้นเป็นกระสุนของปืนเอ็ม 16 และ อาก้า มีมากกว่า 100 ปลอก ซึ่งจากการตรวจสอบผลปืนเบื้องต้น พบว่าสามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่หลายเหตุการณ์ เช่น ปล้นร้านทอง ที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ปล้นเต้นท์รถยนต์ ที่ อ.เทพา จ.สงขลา เหตุยิง สภ.นาปะดู่ จ.ปัตตานี เหตุปล้นตู้เอทีเอ็มที่หน้ามหาวิทยาลัยฟาตอนี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านมาดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับได้ 21 คน เป็นทีมของตระกูลหลำโซ๊ะ ที่เป็นแกนนำปฎิบัติการ ร่วมกับแกนนำก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่มีข้อมูลทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ต้องสงสัยที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ 1 ราย ขณะนี้อยู่ในกระบวนการซักถามของเจ้าหน้าที่ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้” โฆษก กองทัพภาค 4 กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: