ลุ้น “ซีรีส์เกาหลี King the Land” ฟีเว่อร์ปลื้มผลงานสร้างรายได้ให้ประเทศมากกว่า 20,000 ล้านบาท
กรุงเทพฯ-กรมการท่องเที่ยวปลื้ม จากกระแสความนิยม ซีรีส์เกาหลี “King the Land” ตอนที่ 10 ซึ่งออนแอร์ไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ (16 กรกฎาคม 2566) ที่ผ่านมา โดยได้นำเสนอ สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ของประเทศไทย รวมทั้งสอดแทรกภาษาไทย การรับประทานอาหาร Street Food การท่องเที่ยวยามค่ำคืน ทั้งการล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา การนั่งรถตุ๊กตุ๊กชมเมือง การรับประทานอาหารค่ำสุดหรูบนยอดตึก ล้วนสร้างความประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมซีรีส์ เกิดความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ตามรอยสถานที่ถ่ายทำในประเทศไทย ตามภาพยนตร์ดังกล่าว ซึ่งได้รับการอนุญาตจากกรมการท่องเที่ยวให้เข้ามาถ่ายทำซีรีส์ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 – 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุนกว่า 18 ล้านบาท
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยว (DOT) โดย กองกิจการภาพยนตร์และวีดีทัศน์ต่างประเทศ (Thailand Film Office) ได้พิจารณาอนุญาต ส่งเสริมการถ่ายทำ สนับสนุนบุคลากรทีมงานชาวไทยและอำนวยความสะดวกให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการถ่ายทำของคณะถ่ายทำต่างประเทศ ทั้งการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures)
“กรมการท่องเที่ยว ดำเนินการลดขั้นตอนการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ การประชาสัมพันธ์ในงานเทศกาลภาพยนตร์ในต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกให้กับกองถ่ายต่างประเทศ ฯลฯ ส่งผลต่อการสร้างรายได้ให้กับประเทศ สร้างงานให้กับบุคลากรชาวไทย กระจายไปสู่ชุมชนท้องถิ่นที่เป็นสถานที่ถ่ายทำ รวมทั้งภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในภาคอุตสาหกรรมภาพยนตร์และภาคการท่องเที่ยว”
สำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures) ของประเทศไทยนั้นเป็นรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) จำนวนร้อยละ 15 – 20 ของเงินลงทุนในประเทศไทย โดยคณะถ่ายทำที่มีเงินลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 50 ล้านบาท จะได้รับเงินคืนจำนวนร้อยละ 15 และสามารถขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมไม่เกินร้อยละ 5
ตัวอย่างเช่น ร้อยละ 5 หากภาพยนตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริม Soft Power และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย, ร้อยละ 3 หากมีการจ้างบุคลากรหลักของไทย (Key Personnel) เป็นคณะทำงานในกองถ่ายทำภาพยนตร์ อาทิ เช่น ผู้กำกับ นักแสดงหลัก เป็นต้น ,ร้อยละ 3 หากมีการถ่ายทำในจังหวัดเมืองรอง จำนวน 55 จังหวัด ตามนโยบายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ร้อยละ 2 หากมีค่าใช้จ่ายในกระบวนการหลังการถ่ายทำ (Post – Production) และร้อยละ 5 หากเริ่มถ่ายทำในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 และมีค่าใช้จ่ายในประเทศไทยตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยกองถ่ายต่างประเทศจะได้รับเงินคืนสูงสุด จำนวน 150 ล้านบาทต่อเรื่อง
อธิบดีกรมการท่องเที่ยวได้กล่าวต่อไปอีกด้วยว่า ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 – 2566 จำนวนมากกว่า 50 เรื่อง และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมากกว่า 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรมการท่องเที่ยวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ของคณะถ่ายทำต่างประเทศ จะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี เผยแพร่วัฒนธรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ตามรอยการถ่ายทำตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งสามารถสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในประเทศไทย ผ่านทาง Facebook: TFO Thailand Film Office
