X

UNDP และ ม.อ๊อกซ์ฟอร์ด เผยวิจัยใหม่ แนะแนวทางยุติความยากจนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

“UNDP” และ “มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด” เผย ผู้คน 1.1 พันล้านคนทั่วโลก ใช้ชีวิตอยู่ในภาวะยากจนหลายมิติ

ขณะที่ประเทศไทยลดอัตราความยากจนหลายมิติได้ครึ่งหนึ่งในเวลา 7 ปี  

“งานวิจัยใหม่” โดย UNDP และ OPHI ตอกย้ำความจำเป็นของการลงทุนในสันติภาพ เพื่อบรรเทาความยากจน

กรุงเทพมหานคร – UNDP และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ได้จัดการประชุมและเปิดเผยถึงงานวิจัยใหม่ โดย UNDP และ OPHI จาก รายงานดัชนีความยากจนหลายมิติ (Multidimensional Poverty Index: MPI) ทั่วโลกฉบับล่าสุด พบว่า คนยากจนทั่วโลกถึง 455 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศที่เสี่ยงต่อความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งขัดขวางหรือแม้แต่บั่นทอนความก้าวหน้าในการลดความยากจน อันเป็นภารกิจที่ทำสำเร็จได้ยาก ณ โรงแรมอมารีกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

รายงานดัชนีความยากจนหลายมิติทั่วโลกประจำปี 2567 ซึ่งโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ตีพิมพ์ร่วมกับโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และแก้ไขความยากจนแห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford Poverty and Human Development Initiative: OPHI) แสดงข้อมูลวิจัยทางสถิติดั้งเดิมว่าด้วยความยากจนหลายมิติใน 112 ประเทศและในบรรดาผู้คน 6.3 พันล้านคน ดัชนี MPI ไม่ได้เพียงจำแนกประเทศต่าง ๆ ออกเป็น “ร่ำรวย” หรือ “ยากจน” เท่านั้น แต่พิจารณาไปไกลยิ่งกว่ามิติด้านรายได้ กล่าวคือ ต้องพิจารณาว่าผู้คนมีประสบการณ์กับความยากจนอย่างไรด้วย โดยแบ่งออกเป็น 10 มิติ อาทิ การเข้าถึงการศึกษา สุขภาพ ที่อยู่อาศัย น้ำดื่ม สุขอนามัย และไฟฟ้า ทำให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างตรงจุด และออกแบบนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จุดเด่นประการหนึ่งของรายงานปีนี้คือ ความเหลื่อมล้ำจากทั้งภายในและนอกประเทศ จากการวิเคราะห์ค้นพบว่า ร้อยละ 28.0 ของประชากรในชนบททั่วโลกมีฐานะยากจน หากเปรียบเทียบกับร้อยละ 6.6 ของประชากรเขตเมือง ผู้เขียนได้เน้นย้ำอย่างหนักแน่นว่า หลักฐานใหม่นี้ได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของการลงทุนเพื่อสันติภาพ อีกทั้งยังเน้นย้ำด้วยว่า ประชาชนจำนวน 1.1 พันล้านคนทั่วโลกตกอยู่ในภาวะยากจนรุนแรง และจำนวนร้อยละ 40 อาศัยอยู่ในประเทศที่มีสงคราม ความเปราะบาง หรือขาดสันติภาพ

รายงานฉบับนี้ ตอกย้ำว่า เพียงแค่การเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นไม่เพียงพอ หากปราศจากสันติภาพและประเทศจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในประการเบื้องต้น เช่น ข้อแรกสุดในบรรดา 17 ข้อ นั่นคือ ยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่

รายงานนี้เรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนทั่วโลก เพื่อยุติสงครามและความขัดแย้ง ซึ่งทำลายชีวิต โครงสร้างพื้นฐานและทำให้โลกถดถอยซึ่งทำให้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการพัฒนาอย่างไม่จำเป็น รวมถึงการดำเนินการทุกขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องสันติภาพในพื้นที่ที่เปราะบางที่สุด ผู้เขียนได้เน้นย้ำว่าจะต้องใช้แนวทางบูรณาการในการแก้ไขปัญหาความยากจน การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อการฟื้นฟูและการสร้างสันติภาพ โดยที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในและนอกประเทศจะต้องร่วมมือกัน

“ช่วงหลายปีให้หลัง ความขัดแย้งทวีความรุนแรงและเพิ่มสูงขึ้น กระทั่งทุบสถิติตัวเลขผู้เสียชีวิต ทำให้ผู้คนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่น ก่อให้เกิดความลำบากขัดสนในชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนเป็นวงกว้าง” อาคิม สไตเนอร์ (Achim Steiner) ผู้อำนวยการใหญ่ประจำโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติกล่าว “เราต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้ เราจำเป็นต้องมีแหล่งข้อมูลและการเข้าถึงเพื่อการพัฒนาอย่างเฉพาะเจาะจง และดำเนินการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยทำลายวงจรของความยากจนและวิกฤต”

รายงาน MPI ทั่วโลก เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ก้าวหน้ามาอย่างน่าจับตาในเรื่องการจัดการปัญหาความยากจนหลายมิติ ประเทศไทยลดจำนวนประชากรที่เผชิญกับความยากจนหลายมิติได้ครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงเจ็ดปี ตัวเลขลดลงจาก 909,000 คนในปี พ.ศ. 2555 เหลือเพียง 416,000 คนในปี พ.ศ. 2562 และในปี พ.ศ. 2565 ก็ลดลงอีกเหลือเพียง 352,000 คนที่มีชีวิตอยู่ในภาวะยากจนหลายมิติ ความสำเร็จนี้เป็นเพราะประชากรได้รับการศึกษาสูงขึ้น กินอาหารที่มีคุณค่าทางสารอาหารมากขึ้น และเข้าถึงที่อยู่อาศัย ก๊าซหุงต้ม และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้มากขึ้น

ตัวเลข MPI ของประเทศไทย อยู่ที่ 0.002 ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาประเทศอาเซียนที่รวมอยู่ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ เวียดนาม (0.008) อินโดนีเซีย (0.014) ฟิลิปปินส์ (0.016) กัมพูชา (0.070) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (0.108) และเมียนมาร์ (MPI 0.176 ตามข้อมูลการสำรวจล่าสุดที่มี คือจากปี พ.ศ. 2558) ที่ประเทศไทยมีตัวเลขต่ำกว่า หมายความว่า ประเทศไทยแก้ปัญหาความยากจนหลายมิติได้มีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนที่ได้รับการสำรวจ

ถึงแม้ว่าในภาพรวม ประเทศไทยจะก้าวหน้ามาอย่างมากในแง่การบรรเทาความยากจน ทว่าความยากจนหลายมิติในไทยนั้นมีสูงกว่าความยากจนในด้านการเงิน (monetary poverty) 0.5 จุด ซึ่งหมายความว่า ผู้คนที่อยู่เหนือเส้นความยากจนทางการเงินยังคงประสบความขาดแคลนในด้านสุขภาพ การศึกษา และ/หรือมาตรฐานการใช้ชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ความยากจนหลายมิติยังคงแพร่หลายในพื้นที่ชนบทระดับภูมิภาค

ข้อค้นพบจากรายงานระดับโลกฉบับนี้ สอดคล้องกับการประเมินระดับประเทศของประเทศไทย กล่าวคือ รายงานความยากจนหลายมิติของประเทศไทย ประจำปี 2564 จัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเน้นย้ำว่าในพื้นที่ชนบทมีอุบัติการณ์และความเข้มข้นของความยากจนหลายมิติสูงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งกำลังเผชิญความขัดแย้ง

ดังนั้น การยุติความยากจนทุกรูปแบบ จึงจำเป็นต้องอาศัยแนวทางทั้งแบบบนลงล่างและล่างขึ้นบน เพื่อแก้ไขปัญหาความแตกต่างในด้านความเข้มข้นและองค์ประกอบของความยากจน ตลอดจนเพื่อป้องกันความขัดแย้งอีกด้วย สาระสำคัญนี้สอดคล้องกับรายงานความยากจนหลายมิติฉบับใหม่ของประเทศไทย กล่าวคือ ดำเนินกระบวนการสร้างสันติภาพและใช้วิธีการที่เน้นผู้คนเป็นจุดศูนย์กลาง (people-centered) ให้เป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป นี่คือกุญแจสำคัญที่จะเร่งรัดการขจัดความยากจน และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ได้ในที่สุด ตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค จนถึงระดับท้องถิ่น  ด้วยการจัดการ

ต้นตอของปัญหาและผลกระทบของความขัดแย้ง โดยอาศัยข้อมูลและความมุ่งมั่นตั้งใจนี้เอง ผู้คนยากจนก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะสร้างชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ทั้งในแง่ชีวิตส่วนตัวและเพื่อชุมชน

เกี่ยวกับ UNDP และ OPHI

UNDP คือ องค์กรชั้นนำของสหประชาชาติ ซึ่งต่อสู้เพื่อยุติความอยุติธรรมจากความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ UNDP ทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรที่ครอบคลุมใน 170 ประเทศ ช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ให้สามารถสร้างทางแก้ปัญหาแบบบูรณาการและยั่งยืนเพื่อมนุษย์และโลก อ่านเพิ่มเติมได้ที่ undp.org หรือติดตามเราได้ที่ @UNDP

OPHI คือ โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และแก้ไขความยากจนแห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford Poverty and Human Development Initiative: OPHI) เป็นศูนย์วิจัยที่ต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ดำเนินงานตรวจวัดความยากจนและสุขภาวะในหลายมิติ เพื่อช่วยเป็นแนวทางให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สามารถวางนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of รสวรรณภัทชก์ หงษ์สุวรรณ์

รสวรรณภัทชก์ หงษ์สุวรรณ์

ด้วยใจรักและผูกพันในการทำหน้าที่สื่อมวลชนหลากหลาย ทั้งสื่อรัฐและเอกชนมายาวนาน มุ่งมั่นสร้างสรรค์สาระสำคัญอันเป็นประโยชน์ นำเสนอข่าวที่มีคุณค่า ถูกต้อง รวดเร็วทันใจ เชื่อถือได้ “KIND BUT FIRM”