ในวันนี้( 11 ธค. 60) ชาวบ้านบริเวณหมู่ที่ 4 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูถนนเข้าออกหมู่บ้านที่มีความยาวเชื่อมต่อกับหมู่บ้านใกล้เคียงหลายกิโลเมตร ซึ่งมีสภาพเป็นเป็นดินลูกรัง มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อลึก ชาวบ้านที่ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ต้องทนลำบากมานานนับสิบปี แม้จะเคยสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเคยส่งเจ้าหน้าที่เดินทางเข้ามาตรวจสอบพื้นที่แล้ว แต่เรื่องกลับเงียบหายไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา ปัจจุบันยังคงมีสภาพผิวถนนชำรุดมีหลุมลึกเป็นบ่อกว้าง เวลาฝนตกลงมาจะมีน้ำขัง ช่วงเช้าและเย็นจะมีรถยนต์จากผู้ปกครองไปรับส่งลูกหลานกลับจากโรงเรียนต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่นานกว่าปกติ เพราะต้องหลบหลีกหลุมที่มีอยู่เป็นจำนวนมากคล้ายหลุมขนมครก เวลาชาวบ้านล้มป่วยและนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลต้องใช้เวลาในการเดินทางนานมาก กลายเป็นปัญหาเรื้อรังมานานกว่า 30 ปีมาแล้วที่ยังขาดหน่วยงานเข้ามาดูแลและแก้ไข
โดยนายสังข์ สระทองเวียน อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 4 ต.รางบัว อ.จอมบึง แลว่า ถนนสายนี้เคยร้องเรียนไปหลายครั้งแล้ว ทั้งอบต.ในท้องที่ หน่วยราชการทหาร กรมทรัพยากรน้ำที่เคยรับปากไว้ และรับปากว่าจะมาดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2559 และก็เงียบหายไปจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่ติดต่อกลับมา ทำให้ถนนมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อมากขึ้น แม้ชาวบ้านหลายคนจะรวบรวมเงินกันคนละเล็กคนละน้อยช่วยกันซื้อดินลูกรังมาถมบริเวณที่เป็นหลุมเป็นบ่อ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะช่วงหน้าฝนตกก็จะถูกชะล้างออกไปคงมีสภาพเหมือนเดิม ไปแจ้งหน่วยงานก็ได้รับคำตอบกลับมาว่ายังไม่มีงบประมาณเข้ามาดำเนินการ บางหน่วยงานก็แจ้งมาว่าจะเร่งดำเนินการใช้งบประมาณเข้ามาช่วยโดยเร็วแต่ก็เงียบหายไปอีก โดยถนนเส้นนี้จะไปเชื่อมติดต่อกับอีกหมู่บ้านหนึ่งมีระยะทางประมาณเกือบ 4 กิโลเมตร เป็นถนนสายหลักเข้าออกของชาวบ้านประมาณ 70 หลังคาเรือนที่ต้องใช้รถสัญจรผ่านเข้าออกหมู่บ้านทุกวัน มีระยะทางที่มีปัญหานี้มีประมาณ 7 กิโลเมตร และที่สำคัญถนนประมาณ 4 ซอยทางเชื่อมหมู่บ้านไม่มีถนนลาดยางผ่านเชื่อมต่อกันเลย อยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
ด้านนางวิไลวรรณ กล้าผจญ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 / 1 หมู่ 4 เปิดเผยว่า เด็กๆที่จะเดินทางไปโรงเรียนจะไปเรียนกันสายมาก เพราะต้องมาเสียเวลาขับรถช้าๆหลบหลีกหลุมบ่อลึกลดเลี้ยวเป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ชาวบ้านที่มีอาชีพเลี้ยงโคนมก็จะมีปัญหาในการส่งน้ำนมดิบไปส่งให้สหกรณ์ บางคนมีรถจักรยานยนต์สามล้อที่จะบรรทุกถังนมไปส่งสหกรณ์ จะต้องมาเสียเวลาในการเดินทางหลายกิโลเมตรกว่าจะนำนมไปส่งได้แต่ละครั้งใช้เวลานานมาก อีกทั้งยังมีชาวบ้านที่ปลูกพืชผักการเกษตรหลายชนิดก็จำต้องทนการขนส่งพืชผักของตัวเองมานาน ไปใช้เส้นทางที่เชื่อมต่อกันก็มีสภาพผิวถนนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง
นอกจากนี้ชาวบ้านหลายคนก็ยังบอกว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนักการเมืองที่เข้ามาหาเสียงก็จะให้สัญญาว่า ถ้าได้รับเลือกเป็นจะหางบประมาณทำซ่อมแซมถนนให้อยู่ในสภาพดี เมื่อได้รับการเลือกตั้งแล้วก็เงียบหายไปเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง จนชาวบ้านไม่อยากออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งและทนอยู่กับสภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: