X

ชาวบ้านร้องถูกพ่อ ปารีณา ล้อมรั้วเข้ามาในที่ดินกว่า 30 ไร่ แจ้งความเรื่องก็เงียบ

ราชบุรี    ในวันนี้​ (1 ธ.ค.62) ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณที่ดินในหมู่ 9  ต.ท่าเคย  อ.สวนผึ้ง  จ.ราชบุรี  หลังได้รับการร้องเรียนจากนายเสี้ยว  นำพา  อายุ 74 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 9 ต.ท่าเคย  ว่าถูกนายทวี  ไกรคุปต์  อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม   พ่อของนางสาวปารีณา  ไกรคุปต์  ส.ส.ราชบุรี เขต 3  พรรคพลังประชารัฐ  ที่กำลังมีปัญหาเรื่องถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่ากว่า 1700 ไร่  ในหมู่ 6  ต.รางบัว  อ.จอมบึง  จ.ราชบุรี และขณะนี้เรื่องก็กำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ว่ามีการบุกรุกจริงหรือไม่  นำคนงานเข้ามาล้อมรั้วรุกเข้ามาในที่ดินที่ตนนั้นทำมาหากินมากว่า 50 ปี แล้ว  โดยมีหลักฐานการครอบครองที่ดินทุกอย่าง  และได้ไปแจ้งความที่สภ.สวนผึ้งแล้ว ไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมแล้ว  แต่จนตอนนี้เรื่องก็ยังเงียบ  จึงได้มาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว

     โดยพบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ติดกับที่ดินกว่า 600 ไร่ ของนายทวี  แต่อยู่คนละฝั่งภูเขากับที่ดินของนางสาวปารีณา  มีการล้อมรั้วลวดหนามไว้ ภายในรั้วนั้นมีการปลูกต้นมะพร้าว  ส่วนด้านนอกรั้วนั้นมีการทำการเกษตรเลี้ยงหมูแบบครอบครัว  ไม่ใช่ลักษณะเป็นฟาร์ม

        ซึ่งนายเสี้ยวก็เล่าให้ฟังว่าที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่เกือบ 50 ไร่ ตนครอบครองใช้ประโยชน์ในการปลูกอ้อยมาเกือบ 50 ปี เป็นพื้นที่ ภ.บ.ท.5 เสียภาษีมาตั้งแต่ 2517 แต่หลายปีที่ผ่านมา ถูกนายทวีพยายามบุกรุกกินพื้นที่ของตนมาเรื่อย โดยการไถที่ดินเข้ามาแม้แต่ทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนสายราชบุรี-ผาปก (เส้นจากอ.จอมบึง เข้า อ.สวนผึ้ง) และถนนสายราชบุรี-น้ำพุ ก็ถูกไถดินกลบ จนเจ้าของสวนยูคาลิปตัสที่อยู่ติดกันต้องทำถนนใหม่ผ่าสวนยูคาลิปตัสเพื่อให้ชาวบ้านใช้สัญจร แต่ที่เกิดปัญหาใหญ่คือเมื่อวันที่ 7 ก.ค.62 หลังตนตัดอ้อยแล้ว นายทวี ไกรคุปต์ ได้นำคนงานมาทำการล้อมรั้วเข้ามาในที่ดินของตน และปลูกมะพร้าว กินพื้นที่ของตนเข้ามากว่า 30 ไร่  ทำให้ตนเหลือที่ดินเพียงแค่ 10 กว่าไร่  โดยนายทวี มาคุมคนงานด้วยตนเอง ตนก็พยายามเข้าชี้แจงว่าพื้นที่เป็นของตน แต่นายทวีไม่รับฟัง คาดว่านายทวีต้องการพื้นที่ให้ไปบรรจบที่ดินของนายทวีที่อยู่เลยไปอีกแปลงให้เป็นแปลงเดียวกัน วันนั้นตนจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่สภ.สวนผึ้ง ว่านายทวีบุกรุกที่ดิน พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากอำเภอสวนผึ้งก็เข้ามาตรวจสอบ ยังบอกให้นายทวีหยุดปลูกมะพร้าวก่อน แต่นายทวีไม่สนใจ เขาบอกว่าเขามีสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกว่านายทวีก็มาแจ้งว่าตนเองบุกรุกที่ดินก่อนหน้านี้เหมือนกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะพูดคุยไกล่เกลี่ยให้ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

   ต่อมาตนกับนางสาวปราณี นำพา และนางสาวอำไพ นำพา ลูกสาว ซึ่งตนให้ทางป่าไม้ที่เคยมาตรวจสอบที่ดินเปลี่ยนชื่อตนเป็นชื่อลูกสาวทั้งสองเป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว เพราะตนอายุมาก ลูกสาวเป็นทายาทเพื่อจะได้ใช้ที่ดินประกอบอาชีพต่อ ได้เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมอ.สวนผึ้ง โดยศูนย์ดำรงธรรมได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ถึงสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ให้มาตรวจสอบข้อมูลตามโครงการสำรวจถือครองเพื่อการจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ ก็คือตรวจสอบที่ดินของตน และต่อมาสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ได้มีหนังสือตอบกลับศูนย์ดำรงธรรมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ว่าผลการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ผลปรากฏว่าได้มีการรังวัดตามโครงการสำรวจถือครอง ดังกล่าว ดังนี้ นางสาวอำไพ นำพา เนื้อที่ 23-2-79 ไร่ นางสาวปราณี นำพา เนื้อที่ 23-0-99 ไร่ เพราะฉะนั้นก็คือที่ดินที่ถูกนายทวีบุกรุกไปนั้นเป็นที่ดินที่ลูกสาวครอบครองอยู่ ตนได้นำเอกสารไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเรื่องก็เงียบ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 11 พ.ย.62 วันที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาตรวจราชการพื้นที่ราชบุรี ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่จ.กาญจนบุรี นางสาวปราณี ลูกสาวตนก็ยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เรื่องก็ยังเงียบ และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.62  ส.ป.ก.มาตั้งหน่วยบริการบริการประชาชนเคลื่อนที่ ในเขตปฏิรูปที่ดินปีงบประมาณ 2563 มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง  และต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ที่ศาลาเอนกประสงค์ อบต.รางบัว ก็นำเรื่องไปแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.เพื่อทำการตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร  เรื่องที่ตนครอบครองที่ดินแปลงนี้มานานกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ก็รับทราบทุกคน และพยายามไปช่วยเป็นพยานให้ทุกครั้งที่ไปร้องเรียน  แต่ทุกวันนี้รั้วก็ยังล้อมอยู่ไม่ได้มีการรื้อถอน การออกมาแฉครั้งนี้ถามว่าตนกลัวหรือไม่ ตนบอกเลยว่ากลัวมาก  เพราะที่ผ่านมามีชาวบ้านไปร้องเรียนก็จะถูกตามไปคุกคามถึงบ้าน   แต่ตนต้องสู้เพราะที่ดินที่เราใช้ทำการเกษตรเลี้ยงปากเลี้ยงครอบครัวมานานจะให้คนอื่นมาแย่งไปอย่างไม่เป็นธรรมได้อย่างไร ยังมีชาวบ้านที่โดนลักษณะเดียวกันนี้หลายราย แต่ยังไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผย  ตนเชื่อว่าถ้าตนต่อสู้จนได้ที่ดินกลับคืนมา ก็จะมีชาวบ้านอีกหลายรายลุกขึ้นมาสู้บ้าง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี