ราชบุรี จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ทำทุกวัน ให้ดีที่สุด” ได้โพสต์ภาพเด็กชายวัย 11 ขวบ ตามร่างกายมีรอยเขียวซ้ำทั้งตัว และที่บริเวณศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์ พร้อมข้อความว่า “ถึงเขาจะเป็นคนพม่า เขาก็เป็นคนเหมือนกัน เห็นแล้วสงสารมาก พ่อเลี้ยงตี ตีเกือบทุกวัน ตอนนี้หมอต้องให้เด็กนอนโรงพยาบาล เป็นเยอะมาก ตีจนหัวแตก ตีจนขาแตก เขียวทั้งตัว พ่อเลี้ยงเป็นคนไทย” หลังรูปภาพและข้อความดังกล่าวถูกโพสลงโซเชียล ได้มีการแชร์ต่อและแสดงความคิดเห็นในเชิงต่อว่าพ่อเลี้ยงที่เป็นคนไทยต่าง ๆ นา ๆ
ในวันนี้ (12 เม.ย.63) ผู้สื่อข่าวจึงได้ตรวจสอบจนทราบข้อมู,ว่า เด็กคนดังกล่าวอยู่บ้านหลังหนึ่งพื้นที่หมู่บ้านเจริญสุข เขตเทศบาลเมืองราชบุรี พบกับนายสะออง อายุ 50 ปี นางเอเอมอ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นตากับยาย และนายเมกุูกู อายุ 29 ปี น้าชาย ทั้งหมดเป็นชาวพม่า จึงได้ไปสอบถามข้อเท็จจริงทราบว่า เด็กคนที่ถูกทำร้ายร่างกายชื่อด.ช.ตาม ชาวพม่า คนที่ลงมือทำร้าย ด.ช.ตาม เป็นพ่อเลี้ยงชาวไทย ชื่อนายหมู (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 35 ปี ได้อยู่กินนางเอเอแม อายุ 33 ปี แม่ของด.ช.ตาม มากว่า 2 ปี ซึ่งนางเอเอแม มีลูกติดกับสามีเก่า 2 คน คือ ด.ช.ตาม อายุ 11 ขวบ และ ด.ญ.แนนนี่ อายุ 7 ขวบ โดยเด็กทั้งคู่ไม่ได้เรียนหนังสือเพราะเป็นชาวพม่า และนายหมูได้มีลูกชายกับนางเอเอแมอีก 1 คนชื่อด.ช.พล วัยขวบเศษ ต่อมานางเอเอแม ถูกจับกุมในคดีมียาบ้าไว้ในครอบครองติดคุกที่เรือนจำกลางราชบุรี ที่ผ่านมานายหมู จะมารับเด็กทั้ง 3 คน ในช่วงที่ตากับยายไม่อยู่ และนำมาส่งกลับบ้านไม่เป็นเวลา เมื่อเด็กกลับมาก็จะพบรอยถูกตีจนเขียวซ้ำไปทั้งตัว ซึ่งภายในครอบครัวรู้มาโดยตลอดว่าเด็กถูกทำร้าย แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะเป็นคนสัญชาติพม่า และเกรงกลัวว่านายหมูจะทำร้าย จึงทนให้นายหมูทำร้ายเด็กๆ โดยไม่กล้าแจ้งความ แต่ได้วางแผนไว้ว่าจะเดินทางกลับบ้านที่ประเทศพม่า เพื่อหนีนายหมู แต่มาเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางกับประเทศพม่าได้ กระทั่งมาเกิดเหตุนายหมูทำร้าย ด.ช.ตาม และเพื่อนบ้านชาวไทยมาพบเห็นเข้าจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ
จากการสอบถามนางอำพัน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านของเด็กน้อยที่ถูกทำร้ายก็บอกว่า ตนรู้มาตลอดซึ่งรับไม่ได้กับการกระของนายหมู ทุกครั้งที่ ด.ช.ตาม และด.ญ.แนนนี่ ถูกนายหมูรับไปและถูกตีถูกทำร้ายกลับมา ก็จะมาเล่าให้ตนฟังทุกครั้ง แต่ตนก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปลอบใจเด็กกลับไป แต่เด็กเล่าให้ตนฟังว่า เวลานายหมูจะตีจะทำโทษ ด.ช.ตาม และด.ญ.แนนนี่ จะต้องยอมให้ตีให้ทำโดยห้ามร้องห้ามหนี ถ้าร้องถ้าหนีจะโดนตีโดนทำโทษเป็นเท่าตัว จนล่าสุดที่ทำร้าย ด.ช.ตาม จนหัวแตกตนจึงรู้สึกรับไม่ได้ เป็นอย่างไรเป็นกัน จึงบอกให้ นางอัชราภรณ์ และน.ส.ฐิติมา ซึ่งเป็นญาติของตนแจ้งความดำเนินคดีกับนายหมู เพราะการกระทำกับเด็กแบบนี้ ไม่ใช่คนเขาทำกัน
ด้าน นางอัชราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กที่ลงรูปภาพและข้อความดังกล่าว และน.ส.ฐิติมา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้กัน ที่คอยช่วยดูแลเด็กคนดังกล่าว ให้รายละเอียดว่าเรื่องราวดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. เวลา 14.35 น. หลังจากที่ตนและครอบครัวได้กลับมาจากทำบุญ ได้สังเกตเห็นบริเวณศีรษะของ ด.ช.ตาม มีแผลแตกยาว 2 นิ้ว ลึกครึ่งเซนติเมตร และบริเวณตามแขนขาและลำตัวก็มีรอยเขียวซ้ำ ตนจึงสอบถาม ด.ช.ตาม แต่เด็กไม่ยอมตอบและมีอาการหวาดกลัว ตนพยามถามแต่เด็กก็ไม่ยอมตอบ ตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ เพราะเกรงว่าเด็กจะถูกพ่อเลี้ยงชาวไทย ทำร้ายร่างกาย หลังเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ได้เชิญตัวพ่อเลี้ยงชาวไทย ซื่อนายหมูไปสอบถาม แต่ได้รับคำตอบว่าบาดแผลที่บริเวณศีรษะของเด็กเกิดจากช่วงที่ ด.ช.ตามถูกตนทำโทษ ด.ช.ตาม หลบตนไปชนกับขอบเหล็กจนเป็นแผลแตกดังกล่าว ซึ่งทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อจึงเชิญตัวนายหมู ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองราชบุรี
นอกจากนี้นางอัชราภรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว ถึงแม้ ด.ช.ตาม จะเป็นเด็กพม่า และนายหมูจะเป็นคนไทยด้วยกัน ตนก็ไม่คิดที่จะเข้าข้าง ซึ่งที่ผ่านมาตนกับ น.ส.ฐิติมา และครอบครัว คอยช่วยเหลือดูแล ด.ช.ตาม กับ ด.ญ.แนนนี่ และ ด.ช.พล ซึ่งทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน เนื่องจากสงสารเด็กทั้งสามคนมาก เพราะแม่ชาวพม่าก็ติดคุก 4 เดือนแล้ว เด็กทั้งหมดต้องอาศัยอยู่กับตากับยายชาวพม่า แต่ทุกวันตากับยายของเด็กจะต้องออกไปทำงานรับจ้างที่ตลาดศรีเมือง ตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงเช้าทุกวัน ตนกับครอบครัวจึงช่วยกันดูแลเด็ก ๆ ทั้งสาม ส่วนพ่อเลี้ยงที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเด็ก จะชอบแอบมารับเด็ก ๆ ไป โดยมารับไม่เป็นเวลาและจะนำกลับมาส่งไม่เป็นเวลาเช่นกัน และทุกครั้งที่แอบมารับเด็ก ๆ ไป เมื่อนำกลับมาส่ง ตามร่างกายของ ด.ช.ตาม กับ ด.ญ.แนนนี่ จะมีรอยเขียวซ้ำทั่วร่างกาย เหมือนถูกทำร้ายอย่างหนัก เหมือนตนสอบถามนายหมูจะอ้างว่าตีสั่งสอน เพราะเด็กทั้งสองคนดื้อมาก แต่ตนไม่เชื่อเพราะตนคอยดูแลเด็กทั้งสองมาโดยตลอด และรู้ว่าเด็กทั้งสองมีนิสัยดี เรียบร้อย ตนจึงเตือนนายหมูไม่ให้ทำร้ายเด็ก ๆไปหลายครั้ง แต่พอนายหมูแอบมารับเด็กไปทุกครั้ง เมื่อกลับมาก็จะมีรอยถูกตีจนเขียวซ้ำทุกครั้ง จนตนไม่รู้จะทำอย่างไร สงสารก็สงสารแต่ทำอะไรไม่ได้ จนมาเกิดเหตุครั้งนี้ ด.ช.ตาม ถึงขั้นหัวแตก ตนสุดทนจึงต้องแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีกับนายหมูพ่อเลี้ยงชาวไทยของเด็ก
ด้านพ.ต.ท.พงษ์ธร เขมราฐ รองผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองราชบุรี เปิดเผยว่า เรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนสภ.เมืองราชบุรี ได้รับการประสานจากมูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ให้เข้าช่วยเหลือเด็กคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบพบว่าเด็กมีร่องรอยถูกทำร้าย และได้นำตัวพ่อเลี้ยงมาสอบสวนเบื้องต้นแล้ว แต่ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างประสานงานตาย ยาย ของเด็ก เพื่อร้องทุกข์ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกี่ยวกับกฎหมายครอบครัว และสิทธิเด็ก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างรอบคอบต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: