ราบุรี ในวันนี้( 6 พ.ย. 61) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 8 ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี มีเด็กสองคนพี่น้องป่วยเป็นโรคหัวโตทั้งคู่และพ่อแม่ก็ยากจนไม่มีเงินจะพาลูกไปรักษา วอนขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ จึงได้เดินไปตรวจสอบก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพเก่าทรุดโทรม ภายในบ้านพบ นางสาว วรีรัตน์ ทองคำ อายุ 26 ปี กำลังเลี้ยงดูลูกน้อย 2 คน คนแรกชื่อด.ญ. กัญญารัตน์ นราศรี อายุ 4 ปี หรือน้องมีน และด.ช. จิรายุ นราศรี หรือน้องมิก อายุ 5 เดือน โดยเด็กทั้งสองคนนั้นป่วยเป็นโรคน้ำในสมอง หรือภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง ทำให้หัวนั้นโตกว่าคนปกติ แต่ ด.ญ. กัญญารัตน์ นั้นได้รับการผ่าตัดมาแล้ว แต่ก็คงมีสภาพที่หัวโต หูไม่ได้ยิน รวมทั้งเดินไม่ได้ต้องใช้วิธีถัดตัวเองเวลาจะไปไหนมาไหน ส่วนด.ช. จิรายุ นั้นนอกจากหัวโตแล้วขาท่อนล่างก็ไม่สามารถขยับได้ และต้องใช้หมอนหนุนหัวให้สูงเพื่อให้น้ำที่คั่งในสมองได้ไหลลงมาด้านล่าง ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งสองคน ไม่สามารถที่จะออกไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูลูกได้ โดยภาระในการหาเงินนั้นเป็นของนายจิรัตน์ นราศรี ผู้เป็นพ่อซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไปได้ค่าแรงมาก็แทบจะไม่พอในการที่จะซื้อนม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการพาลูกไปรักษา
ซึ่งนางสาว วรีรัตน์ ทองคำ แม่ของหนูน้อยทั้งสองคน ก็เล่าให้ฟังว่า น้องมีนมีน้ำอยู่ในสมองลักษณะคล้ายหัวแตงโม โดยมาทราบเรื่องน้องมีอาการผิดปกติเมื่อท้องได้ประมาณ 8 เดือน ตอนนั้นหมอได้ผ่าทำคลอดให้เลย ส่วนคนเล็กรู้เรื่องตอนอายุ 7 เดือน แต่หมอบอกให้เก็บน้องไว้คลอดตอนอายุท้อง 9 เดือน และได้บอกตนเองว่าลูกเป็นโรคหัวโต มีวิธีรักษาจะต้องผ่าที่หัวและใส่สายระบายน้ำเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะเพื่อให้น้องได้ปัสสาวะออกมาได้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างมาก และตอนนี้สามีก็ทำงานคนเดียวได้ค่าแรงวันละ 200-300 บาท ไม่มีงานทำเป็นประจำ ทุกวันนี้ลำบากมากเพราะว่าลูกชายคนเล็กจะต้องกินนมเฉพาะ กระป๋องละ 460 บาท 1 เดือนจะต้องกินนม 4-5 กระป๋อง ส่วนลูกคนโตกินนมกล่อง ซึ่งในช่วงที่ท้องนั้นหมอแนะนำให้ไปเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจสุขภาพร่างกายเด็ก แต่ตนเองไม่มีเงิน เลยไม่ได้ไปตรวจเช็คร่างกาย จนคลอดลูกออกมาเป็นแบบนี้ หมอบอกว่าให้ทำใจพร้อมกับบอกว่าลูกจะอยู่กับเราได้ไม่นานให้ทำใจไว้ ซึ่งตนก็คิดว่าไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็เลี้ยงและดูแลเขาให้ดีที่สุด จึงอยากวอนขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ใจบุญช่วยเหลือลูกๆสองคนด้วยโดยสามารถบริจาคเงินโอนผ่านบัญชี นางวรีรัตน์ ทองคำ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาราชบุรี เลขที่บัญชี 119-1-57734-9
สำหรับโรคน้ำในสมอง (Hydrocephalus) หรือภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง มีหลายสาเหตุ ก่อให้เกิดภาวะเพิ่มความดันในกะโหลกศีรษะ เกิดความผิดปกติทางระบบประสาท มีอันตรายถึงชีวิต จึงต้องมีความรู้ความเข้าใจ และรักษาให้ถูกต้อง โรคน้ำในสมอง เป็นความผิดปกติชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดได้กับเด็กทารก สาเหตุเกิดมาจากความผิดปกติที่มีน้ำในโพรงสมองมากเกินไป เนื่องจากท่อทางเดินน้ำหล่อสมองและไขสันหลังอุดตัน ทำให้น้ำในสมองคั่งและท่วมอยู่ในสมอง ทำให้สมองมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก โรคน้ำในสมองจะพบได้ในเด็กเล็ก พบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โรคหัวบาตรจะพบได้ 1 ใน 1000 คนต่อปี สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคน้ำในสมอง เกิดได้จากหลายๆอย่าง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อวัณโรค ทางพันธุกรรม เกิดภาวะเลือดออกในสมอง ได้รับอุบัติเหตุ
ส่วนวิธีการรักษาโรคน้ำในสมอง การรักษาโรคน้ำในสมอง คือ เจาะไขสันหลังและใช้สายยางเล็กๆ ดูดน้ำที่อยู่ในสมองออกมา และระบายน้ำออก และหลังจากนั้นต้องใช้ยาเพื่อทำการหยุดการผลิตน้ำในสมอง ถ้าพบเด็กที่ป่วยเป็น โรคเด็กหัวโต หัวบาตร เร็วจะสามารถดูดน้ำออกจากสมองได้เร็ว และสามารถหายเป็นปกติ แต่ถ้าพบช้ารักษาช้า สมองอาจจะถูกทำลาย พัฒนาการทางด้านสมองและร่างกายก็จะช้าตามไปด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: