ราชบุรี เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 31 ส.ค. 64 ร.ต.ท.ณัฐนนท์ เจียรวนานนท์ ร้อยเวรสภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เหตุที่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 1 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชูเกียรติ ภูกาบพลอย รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี รักษาราชการแทนผู้กำกับการตำรวจภูธร อ.โพธาราม และ พ.ต.ท.วิชยานนท์ เอกตาแสง รองผกก.สส.สภ.โพธาราม ได้รับทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ราชบุรี แพทย์เวรโรงพยาบาลโพธาราม และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างราชบุรี ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ที่พื้นปูนด้านหลังบ้านพบกองเลือดขนาดใหญ่ ไหลนองพื้น และพบอาวุธปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก ปลอกกระสุนขนาดเดียวกัน 3 ปลอก เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าอาการสาหัส ไม่รู้สึกตัว ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโพธาราม ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตขณะนำส่ง ทราบชื่อต่อมาคือนายร่มไทร อารีกิจ อายุ 63 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ถูกอาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิงเข้าที่ขมับด้านขวาจำนวน 1 นัด
นอกจากนี้ที่บนเก้าอี้ใกล้กับกองเลือดพบศพนายร่มฉัตร อารีกิจ อายุ 44 ปี เป็นบุตรชายของนายร่มไทร ซึ่งสภาศพนั้นอยู่ในลักษณะนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ตรวจสอบที่บริเวณศีรษะมีร่องรอยถูกอาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิงเข้าจำนวน 2 นัด กระสุนฝังใน
จากการสอบถามนายกิตติ ศิริสมบูรณ์ กำนันตำบลคลองตาคต ก็เปิดเผยว่าผู้ตายทั้งสองคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน โดยนายร่มไทร ผู้เป็นพ่อนั้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือชาวบ้านจนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านในระแวกนี้ ส่วนลูกชายของนายร่มไทร คือนายร่มฉัตร นั้นไม่ได้ทำงานอะไร แต่จะเสพยาบ้ามาตลอด ซึ่งถูกตนจับไปบำบัดหลายครั้ง แต่พอออกมาไม่นานก็กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยเสพยาจนหลอนทำร้ายร่างกายพ่อ แม่ ทำลายข้าวของในบ้านเป็นที่เอือมระอา พ่อกับแม่ต้องคอยหลบไปอยู่ที่อื่น ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุที่พ่อตัดสินใจยิงลูกชายจนตายและยิงตัวเองตายตามนั้นน่าจะมาจากการเก็บกดที่ถูกกระทำมาตลอด
ด้านนางขวัญใจ อารีกิจ ภรรยาของนายร่มไทร และเป็นแม่ของนายร่มฉัตร ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งน้ำตามว่า ลูกติดยามาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เคยไปบำบัดรักษาหายมาแล้วก็ไปทำงานกับญาติๆ ที่ จ.น่าน ซึ่งตนก็คิดว่าน่าจะเลิกแล้ว แต่เมื่อกลับมาอยู่บ้านช่วงโควิด ลูกชายก็กลับมาทำพฤติกรรมเหมือนเดิม อาละวาดทำลายข้าวของ ด่าทอและทำร้ายตนกับสามี จนต้องคอยหนีออกมาอยู่นอกบ้านหลายครั้ง ซึ่งไปแจ้งความก็ถูกลูกชายขู่ว่า ถ้าออกมาได้จะฆ่าให้ตายทั้งบ้าน ทำให้ตนกับสามีหวาดกลัวมากจนต้องไปขอถอนแจ้งความ และก่อนจะเกิดเหตุช่วงเช้าลูกชายตื่นมาตอนสาย ก็อาละวาดทำลายข้าวของอีก ซึ่งตนกับสามีก็หลบออกมาอยู่นอกบ้าน จนเมื่อช่วงบ่ายตนจึงชวนสามีไปช่วยกันนำวัวเข้าคอก ซึ่งปกติก็จะไปไหนพร้อมกันทุกครั้ง แต่ครั้งนี้สามีบอกว่า ปวดหัวให้ตนไปคนเดียว และเห็นว่าลูกชายนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่พบศพ ตนเห็นว่าสามีนั้นไม่ค่อยสบายจึงเดินไปต้อนวัวคนเดียว จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จนจึงรีบวิ่งมากลับมาดูที่บ้านก็เห็นสามีนอนหายใจรวยริน จึงได้ตะโกนเรียกญาติๆให้มาช่วยนำสามีส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ทันแล้ว ส่วนลูกชายเห็นนอนนิ่งเลือดไหลบนเก้าอี้ก็รู้ว่าลูกชายนั้นน่าจะตายแล้ว ซึ่งก่อนจะเกิดสามีก็ไม่ได้พูดอะไรและไม่เคยบอกว่าจะฆ่าลูก แต่เชื่อว่าที่ทำลงไปนั้นน่าจะเป็นการเก็บกดจนทนไม่ไหว ซึ่งตอนนี้ตนต้องสูญเสียทั้งสามีและลูกชายในเวลาเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะทำใจ โดยศพของสามีนั้นจะนำกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านตามคำสั่งเสียตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนลูกชายนั้นจะนำศพไปตั้งที่วัดไทร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านและจะทำการสวดให้ 1 คืน ก่อนจะทำการเผา และไม่อยากจะให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครอีก และไม่อยากให้ทุกคนไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะมันทำลายและทำร้ายคนรอบข้าง
ข่าวน่าสนใจ:
- นนทบุรี กู้ภัยช่วยคนเจ็บติดอยู่ในรถ หลังจากรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คันชนกันสนั่นกลางจุดกลับรถ
- คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการพัฒนาพื้นที่ของ อปท.ใน จ.ระยอง
- เตือนภัยใช้รถต้องหมั่นตรวจเช็ค หนุ่มขับรถส่งสินค้าเสียหลักพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า พบช่วงล่างสนิมกินจนพุ
- รวบแล้วลุงเขยแทงหลานชายเมียเจ็บสาหัส 2 คนในแคมป์คนงาน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้เป็นพ่อน่าจะใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะลูกชายจากทางด้านหลัง ขณะกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ จำนวน 2 นัด และใช้อาวุธปืนขนาดเดียวกันจ่อยิงขมับตนเองตายตามดังกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: