X

อธิบดีกรมธนารักษ์ ตรวจสอบพื้นที่ของสำนักวิโมกศิวาลัย  และให้ทำหนังสือย้อนหลัง

ราชบุรี    ในวันนี้ (22 มี.ค. 65) เวลา 13.00 น. นายประภาศ    คงเอียด  อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมด้วย พลตรี มนิต   ศิริรัตนากูล ผู้บัญชากองพลพัฒนาที่ 1   นายเตชสิทธิ์  สมประดี ปลัดอาวุโสอ.สวนผึ้ง    และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินภายในธรรมสถานวิโมกสิวาลัย หรือ มูลนิธิ ชยันโตโพธิธรรม รังษี  อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยมีพระอาจารย์โย   ปุญวังโส   พระที่ดูแลสถานปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัย  ให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลรายละเอียดพื้นที่

ซึ่งนายประภาศ    คงเอียด  อธิบดีกรมธนารักษ์   เปิดเผยก่อนจะลงตรวจสอบพื้นที่ว่า จะต้องทำการตรวจสอบพื้นที่ก่อนว่ามีเท่าไหร่ มีการขออนุญาตใช้พื้นที่หรือไม่ ซึ่งถ้าพบว่าผิดก็จะต้องดำเนินการทั้งทางแพ่งและทางอาญา  แต่เบื้องต้นนั้นทราบว่า ยังไม่ได้มีการขออนุญาตแต่อย่างใด ซึ่งจะต้องเข้าไปทำการตรวจสอบก่อน

  และภายหลังจากเข้าตรวจสอบพื้นที่ซึ่งใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดยมีพระอาจารย์โย   ปุญวังโส   พระที่ดูแลสถานปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัย  นำตรวจสอบพื้นที่  นายประภาศ    คงเอียด  อธิบดีกรมธนารักษ์   ก็ออกมาเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่ทั้งหมดมี 38 ไร่  ในเฉพาะส่วนที่เป็นศูนย์ปฎิบัติธรรม   ส่วนบริเวณรอบ ๆ นั้นใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำเกษตรกรรม  ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจัดให้เช่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ส่วนของสำนักปฎิบัติธรรมนั้น ตอนแรกยังไม่แน่ใจว่ามีการตั้งเป็นมูลนิธิฯ หรือยัง  แต่เมื่อได้มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดแล้ว  พบว่าได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิอย่างถูกต้อง มีหนังสือรับรองแล้ว   ส่วนจะยื่นขอเมื่อไหร่นั้นทางธนารักษ์ไม่ทราบว่า  แต่ยังไม่ได้ยื่นเรื่องมาที่ธนารักษ์  ส่วนตามขั้นตอนนั้น ถ้าเป็นการเช่าทำเกษตรหรือที่อยู่อาศัยนั้นในเรื่องของการให้ความยินยอมนั้นก็จะเป็นอำนาจของกองพลพัฒนาที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ให้ความยินยอมได้  แต่ถ้ามีวัตถุประสงค์นอกเหนือจากนั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากกองทัพบก  และถ้าเป็นมูลนิธิก็สามารถเช่าได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากกองทัพบกแล้วก็จัดส่งมาที่กรมธนารักษ์เพื่อให้เช่า   แต่ทางมูลนิธิฯ นั้นอาจจะยังไม่เข้าใจในวิธีการดำเนินการ และไม่เข้าใจในขั้นตอนต่างๆ วันนี้หลายหน่วยงานจึงต้องมาร่วมกันชี้แจงว่าวิธีการจะต้องดำเนินการอย่างไร  ในส่วนที่มีการก่อสร้างไปแล้วก็จะต้องมาพิจารณาร่วมกันว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะให้เช่า  โดยจะพิจารณาตามกฎระเบียบ  ในส่วนของการดำเนินการที่ผ่านมาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่มีสัญญาเช่า ก็จะต้องมีการเรียกค่าเสียหายย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551  มาถึงปัจจุบันซึ่งจะต้องไปดูแลในลายละเอียดว่าจะคิดอย่างไร ซึ่งเป็นลายละเอียดของการเช่า  ซึ่งเป็นเรื่องของทางแพ่ง  แต่ในส่วนของเรื่องอาญานั้น จะต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง  เพราะเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพ  ซึ่งจะต้องดูในภาพรวมว่าจะต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย ผู้ที่บุกรุกทุกคนก็ต้องถือว่ามีความผิด จะต้องถูกดดำเนินการเหมือนกัน  แต่ในส่วนของประชาชนนั้นเราก็ขอผ่อนผัน  โดยการให้เช่าและให้เข้ามาในระบบ  แต่ถ้าบอกว่าจะเลือกปฎิบัติดำเนินคดีอาญาเฉพาะสำนักปฎิบัติธรรมแห่งนี้ นั้นจะเป็นธรรมหรือไม่ ก็จะต้องมาดูในหลาย ๆ อย่าง  ต้องดูทั้งองค์ประกอบและต้องดูเรื่องความเป็นธรรมในภาพรวมด้วย  ซึ่งจะต้องมีการแยกกันระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง   และไม่ได้มีการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึง 13 ปี เพราะหน่วยงานทหารนั้นได้เข้ามาตั้งแต่ต้น  แต่ทางสำนักปฎิบัติธรรมแห่งนี้บอกว่ามีความประสงค์จะตั้งเป็นวัด และมีการปฎิบัติธรรมที่ชัดเจน  ทางหน่วยงานทหารก็รอให้มีการขออนุญาติจัดตั้งวัดกับทางสำนักพุทธก่อน แล้วก็ผ่านไปยังหน่วยงานทหารและผ่านมายังกรมธนารักษ์  ซึ่งเราไม่ได้มีการปล่อยปะละเลย  เพราะเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่อ่อนไหว ซึ่งในส่วนของประชาชนก็เหมือนกันถ้ามาทำการกินทางราชการก็มีการผ่อนผันมาตลอด  ไม่อยากถึงขนาดที่จะต้องไปดำเนินคดี  แต่ถ้าจะพูดในภาษากฎหมายว่าผิดหรือไม่ก็ต้องบอกว่าผิด แต่จะเหมาะสมจะดำเนินคดีหรือไม่  ซึ่งในเรื่องของความผิดนั้นก็จะต้องดูองค์ประกอบด้วยว่าการกระทำนั้นมีเจตนาหรือไม่  ส่วนเรื่องของการก่อสร้างก่อนที่จะมีการขออนุญาตนั้น เป็นเรื่องขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ซึ่งอยู่ภายใต้ พรบ.ควบคุมอาคาร

    ด้านพลตรี มนิต   ศิริรัตนากูล ผู้บัญชากองพลพัฒนาที่ 1   ก็บอกว่า ก็คงจะต้องลงไปตรวจสอบในพื้นที่ พลพัฒนาที่ 1 ดูแลอยู่ มีทั้งหมด 12 สำนักสงฆ์  ซึ่งจะต้องมีการไปชี้แจงให้ทราบในวิธีการปฎิบัติ  ซึ่งมาตราของกองทัพบกจะใช้วิธีเบาไปหาหนัก โดยอันดับแรกจะมีหนังสือแจ้งเตือนไปก่อน 3 ครั้ง  ซึ่งแต่ละครั้งก็จะห่างกันประมาณ 1 เดือน  แต่ถ้ายังไม่มีการดำเนินการทางกองพลพัฒนาที่ 1 ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดี  แต่ในส่วนมีการปล่อยให้ทางสำนักปฎิบัติธรรมก่อสร้างมานานกว่า 10 ปี นั้น เนื่องจากทางสำนักปฎิบัติธรรมเริ่มมาจากจัดตั้งเป็นวัด  และเมื่อสอบถามทางพระ ก็ทราบว่า พระที่ดำเนินเรื่องคนเก่าก็สึกไป คนใหม่ก็มาต่อยอดกัน แต่กว่าจะต่อยอดกันก็อาจจะไม่เหมือนระบบราชการ  ซึ่งขั้นตอนมันอาจจะหายไปช่วงระยะหนึ่ง  และเมื่อวานทางกองพลพัฒนาที่ 1 เพิ่งจะได้รับทราบวัตถุประสงค์ว่าขอเปลี่ยนจากวัดเป็นมูลนิธิ  แต่ในส่วนลายละเอียดนั้นยังไม่ได้พูดคุยกัน

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี