ราชบุรี หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงาน กำจัดกากขยะอุตสาหกรรมแว็กซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซนเตอร์ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตั้งแต่เมื่อเช้ามืดวันที่16 มิ.ย.65เจ้าหน้าที่ได้ระดมสรรพกำลังจากหลายหน่วยงาน เข้าดำเนินการดับเพลิง ซึ่งไฟได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงจากเชื้อเพลิงที่มาจากถังน้ำมันเก่า สารโซเว้นท์ ถังสี เศษผ้า และวัตถุไวไฟ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ตลอดทั้งวันทั้งคืนนานกว่า 24 ชั่วโมง และสามารถดับเพลิงได้ในตอนเช้าของวันที่ 17 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา และควันไฟที่ลอยออกไปได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อยู่ในบริเวณรอบโรงงาน จนทำให้ชาวบ้านได้ทยอยเข้าแจ้งความเอาผิดกับทางโรงงาน เพื่อให้ทางโรงงานนั้นได้เข้ามาช่วยเหลือเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
และล่าสุดในวันนี้(21 มิ.ย. 65) เวลา 16.30 น. นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายอนุตร ปางพุฒิพงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ราชบุรี นายอภิรักษ์ อ่ำสุริยะ รักษาราชการแทนอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี นายพิทยา ปราโมทย์วรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และดร.สุทิพล เอี่ยมประเสริฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 8 ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์ไฟไหม้ภายในโรงงานว่า สาเหตุของการเกิดไฟไหม้นั้นยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และได้มีการตรวจสอบแล้วว่า ไฟนั้นได้ลุกไหม้ภายในอาคาร 3 อาคารซึ่งด้านในนั้นมีทั้ง ถังน้ำมันเก่า สีทาบ้าน เศษผ้าและสารไวไฟอีกหลายชนิด ซึ่งต้องระดมทั้งเจ้าหน้าที่และเครื่องมือ ทั้งในจังหวัดราชบุรีและจังหวัดข้างเคียง รวมกว่า 70 หน่วยงาน บุคลากรกว่า 200 คน ซึ่งการปฎิบัติงานมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 12 นาย แต่อาการไม่หนัก ถังสารเคมีถูกไฟไหม้ไปรวมกว่า 6,000 ถัง จากทั้งหมด 34,000 ถัง อาคารเสียหาย 3 อาคาร หน่วยที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจวัดสภาพอากาศ และเข้าตรวจสุขภาพของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ทางจังหวัดราชบุรี ได้ยืนยันว่าโรงงานแห่งนี้ถูกเพิกถอนใบอนุญาติทั้งหมด 9 ใบที่มีอยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 และได้ตั้งคณะกรรมการในที่จะขนย้ายถังสารเคมีที่ยังอยู่ในโรงงานไปกำจัดที่จ.ชลบุรี โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก.ค.65 แต่ก็มาเกิดเหตุไฟไหม้เสียก่อน และหลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ก็จะต้องเร่งดำเนินการนำถังสารเคมีที่เหลือออกไปกำจัดให้เรียบร้อยภายใน 15 วัน โดยจะต้องมีคณะกรรมการคอยตรวจสอบตลอดเส้นทาง หลังจากนั้นก็จะต้องทำการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ ทั้งดินและน้ำ ในส่วนของพื้นที่นั้นพบว่าโรงงานมีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครอง และไม่ได้มีการรุกล้ำที่สาธารณะหรือรุกพื้นที่ป่า
โดยมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกว่า 50 คน มาร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ พร้อมทั้งขอให้ทำหนังสือยืนยันในการดำเนินการตามที่มีการแถลงข่าวไปแล้วเพื่อให้ชาวบ้านได้เกิดความสบายใจว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: