ราชบุรี จากกรณีที่มีเหตุทะเลาะวิวาทในผับชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองราชบุรี และมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงจนทำให้ นายจีระศักดิ์ ซึ่งยังไม่ทราบนามสกุล ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ กลุ่มนักเที่ยวและผู้ก่อเหตุวิ่งชุลมุนหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าควบคุมสถานการณ์ ไว้ได้ นำตัวผู้บาดเจ็บส่ง รพ. ราชบุรี จากนั้นได้ร่วมกับพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสถานที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม จำนวน 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบตัวผู้ต้องสงสัยพกพาอาวุธปืน 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 11 นัด ในแม็กกาซีนเข้ามาในในที่ก่อเหตุ ขณะนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเหตุการณ์ยิงกันในผับดังราชบุรี ในประเด็นที่มีนักการเมืองท้องถิ่นพาคร้ายหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุนั้น เป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูก เพราะหลังจากเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้บริเวณที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้มีการหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ
ส่วนโรงเหล้าเพชรเกษม เป็นสถานบริการแห่งเดียว ของราชบุรีที่มีการเปิดบริการถึง 02.00 น. ตามใบอนุญาติ ที่ฝ่ายปกครองเป็นผู้อนุญาติ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เพ็งเล็งไว้แล้วเป็นจุดที่ก่อเหตุ เนื่องจากที่อื่นก็จะปิดเที่ยงคืน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะแห่กันมาที่แห่งนี้
และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมการกระทำความผิดที่สถานบริการแห่งนี้ถึง 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีการจับกุมการพกพาอาวุธปืน ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 4 มีการทะเลาะวิวาทหน้าร้าน ครั้งที่3 เมื่อวันที่ 6 ร่วมกับฝ่ายปกครอง พบการกระทำความผิดคือปล่อยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าใช้บริการ เรื่องก็อยู่ในระหว่างดำเนินคดี ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 8 ได้มีการจับกุมอาวุธปืน ผู้ที่มาใช้บริการบริเวณด้านนอกร้าน เมื่อมีการดำเนินคดีแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งฝ่ายปกครองว่าสถานประกอบการไม่ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการที่ขอไว้ โดยได้มีการทำบันทึกถึงนายอำเภอพร้อมทั้งรายงานผู้ว่าฯ ให้พิจารณามาตรการลงโทษ
ตอนนี้เราได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ แต่เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ เราจึงต้องตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานอื่น ๆ ประกอบเพื่อสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ เมื่อคืนนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นรถบริเวณหน้าร้านพบอาวุธปืน ขนาด .38 ได้1ราย
ส่วนใบอนุญาติทางสถานบริการได้มีการขอเมื่อเดือน มิ.ย.64 และเนื่องจากเป็นสถานบริการประเภท 1 จะต้องขอทุกสิ้นปี เมื่อวันที่ 7 ทางผู้ขอให้มายื่นเรื่องกับทางจังหวัด และตามกฎกระทรวงจะถือว่าผู้ขอใบอนุญาติ ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้อยู่จนถึงถูกยกเลิก เพราะฉะนั้นสถานประกอบการแห่งนี้ก็ยังดำเนินการได้ จากเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสรุปและนำเรียนฝ่ายปกครองเพื่อให้ทางฝ่ายปกครองพิจารณาปิด ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่นได้มีปากเสียงกัน ในช่วงใกล้จะปิดร้าน
เบื้องต้นผู้ที่พกพาอาวุธปืนทั้ง 2 รายได้มีการแจ้งข้อหาในส่วนของการพกพาอาวุธปืนในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนคดีใช้อาวุธยิงผู้อื่น อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เราได้มีการเสนอเรื่องให้ทางฝ่ายปกครองให้ปิดสถานบริการทุกครั้งที่พบการกระทำความผิด แต่เท่าที่ทราบเรื่องอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของทางฝ่ายปกครอง
