X

แฟนเจ๊นุช ยอมรับทำร้ายน้องเอ จริง  และอยากให้น้องเอหยุดการกระทำทุกอย่าง

ราชบุรี   หลังจากที่ศาล จ.ราชบุรี ไม่ให้ประกันตัวส.ต.ท.(หญิง) กรศศิร์   บัวแย้ม   หรือ เจ๊ นุช  อายุ 43 ปี ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 (ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1)  ที่ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย นางสาว เอ  ซึ่งเป็นทหารในสังกัดกองทัพไทย  ยศสิบตรี  และถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์  ทำให้ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำกลาง จ.ราชบุรี  และในช่วงบ่ายวันนี้(23 ส.ค. 65) ทางนางสาว เอ  พร้อมด้วย กัน  จอมพลัง ได้เดินทางไปแจ้งความเพิ่ม ที่สภ.ชะอำ  จ.เพชรบุรี  เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายคมสิทธิ์   จังพานิช  น้องชายของนักการเมืองชื่อดังในอำเภอโพธาราม  จ.ราชบุรี  ที่ร่วมทำร้ายร่างกายด้วย

    นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายคมสิทธิ์   จังพานิช  คนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี  เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น  โดยนายคมสิทธิ์  ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า  ยอมรับว่าเป็นแฟนของเจ๊นุช  ซึ่งรู้จักกันมานานหลายเดือนแล้ว  และไม่เคยเห็นว่ามี สว. คนไหนคบกับนุชในช่วงที่ตนเองรู้จักกับนุช  โดยรู้จักกันเพราะนุช กับน้องเอนั้นไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม  ซึ่งตนชอบไปนั่งที่ร้านทุกวัน  จนมารู้จักกันและเริ่มสนิทสนมกัน และได้รู้ว่า เอ  เป็นเด็กชอบโกหก เวลาทำผิดก็ชอบแถ  ทุกเรื่อง  ซึ่งตนก็พยายามที่ตักเตือนสั่งสอน เอ ทุกครั้งที่มีปัญหา กับนุช เพราะ เอ  จะรู้ว่า จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้นุชโกรธ หรือมาทำร้าย เอ  แต่ตัวของ เอ ก็พยายามที่จะทำในสิ่งที่นุชไม่ชอบซ้ำๆ ที่ผ่านมา  เอ  บอกกับตนเองว่า นุช  เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและรักษาตัวมา 2 ปี ส่วน เอ  นั้นก็มาอยู่กับนุชนานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ตนจะรู้จักกับนุช  โดยอยู่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ไปกินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน  โดย เอ จะเป็นคนขับรถพา นุช ไป เพราะนุชยังขับรถไม่ค่อยเก่งและไม่ค่อยรู้เส้นทาง  ที่ผ่านมา เอ ขอมาทำงานกับตนด้วยเพราะอ้างว่าเงินเดือนไม่พอใช้  อยากได้เงินเดือนสองที่ ทั้งเงินเดือนทหาร และเงินค่าจ้างจากตน ที่รับทำรั้วคอนกรีต  ซึ่งตนก็ให้มาทำ  แต่ เอ  ทำงานไม่ได้  ตนก็ต้องให้หยุดไป  ซึ่งเมื่อ เอ ทำผิดก็จะขอโทษและขอโอกาส  ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ซ้ำ ๆ จนตนเองก็ทนไม่ไหว ยอมรับว่าทำร้ายร่างกาย เอ จริง แต่ทำแล้วก็สอน เอ ไปด้วย  ซึ่งคงไม่มีใครทนได้หากที่เรารักถูกกระทำซ้ำ ๆ  หลายครั้งที่นุช  บอกให้ เอ กลับไปบ้านเพราะทนไม่ไหวแล้ว  แต่ เอ ก็ไม่ยอมกลับ  แถม เอ ยังให้พ่อแม่มาขอให้อยู่ต่อด้วย  เงินเดือนของ เอ  ในช่วงที่เป็นทหารนั้นเงินเดือนไม่พอใช้  เพราะทราบว่ามีข้อตกลงระหว่าง นุช กับ เอ  ว่า ถ้าไปกินไปเที่ยวด้วยกัน ก็ขอให้หารกันคนละครึ่ง  ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านนั้น นุช เป็นคนออก  และช่วยกันทำงานบ้านไม่มีใครเป็นคนรับใช้ หรือเป็นเจ้านาย อยู่กับแบบคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งพ่อแม่ของตนก็รับรู้ว่ามาตลอดว่าตนคบกับ นุช  โดยทุกครั้งที่มาที่บ้าน เอ ก็จะขับรถพานุช ทุกครั้งและมาบ่อย   ในวันที่ เอ  ออกจากบ้านมาก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร  ซึ่งตำรวจที่เดินทางไปรับ เอ ออกมาก็เห็นว่าไม่มีบาดแผลอะไร    แต่พอหายออกจากบ้านมา 2-3 วัน และมาร้องเรียนสื่อ  กลับมีบาดแผลหลายที่ก็เลยอยากถามว่า บาดแผลมาจากไหน  แล้วทำไมไม่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเดิมที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งไปตรวจตอนแรก  แต่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง  ที่ผ่านมา เอ บอกว่ารัก นุช  เป็นห่วงนุช  และบอกว่ารักและเคารพตนเอง แต่กลับมาทำอย่างนี้  ซึ่งเมื่อ เอ ไปแจ้งความเอาผิดกับตนเอง  ก็ยอมรับผิดและจะไปมอบตัวด้วย แต่เมื่อไหร่ เอ จะหยุด ตนอยากจะเตือนไว้  ตอนนี้ไม่รู้ว่า เอ จะทำอะไรแต่เชื่อว่าน่าจะตกเป็นเครื่องมือของคนอื่น ถ้า เอ ยังไม่หยุดในตอนนี้สุดท้าย เอ จะลำบากคนเดียว  อยากให้จำคำตนเองไว้ เพราะที่ผ่านมาสอนมาตลอด และเคยร้องไห้กับ เอ  อยากให้ เอ นึกย้อนกลับไปว่าตนนั้นหวังดีมาตลอด  ทุกครั้งที่ถูกตบตี ก็จบด้วยการสอน เอ ทุกครั้งอยากให้ เอ นึกให้ดีๆ  อยากจะฝากถึง เอ ว่า ที่ผ่านมาเคยบอก เอ ไว้เสมอว่าคนเราเท่ากันอยากให้จำคำเอาไว้ ทุกวันนี้ เอ หลงผิด หรือทำอะไรไม่รู้ และก็สงสัยว่า เอ ทำอะไรอยู่ แต่ขอให้หยุดซะ

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี