ราชบุรี ในวันนี้( 6 ก.ย. 65) ไปดูธุรกิจการเลี้ยงนกปรอทหัวจุกที่ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงคลี่คลายจากสถานการณ์โควิด 19 กันแล้ว เริ่มมีการหันมองหาอาชีพเสริมเพิ่มเติมรายได้เข้ามาเลี้ยงครอบครัว ช่องทางไหนว่าดีดูแล้วอนาคตสดใสก็ทดลองทำกัน เช่น การเลี้ยงนกปรอดหัวจุก หรือ นกปรอดหัวโขน ที่มีการเลี้ยงกันมานานพอสมควรกับผู้ที่ชื่นชอบรักสัตว์ประเภทนี้ สามารถนำเข้าแข่งขันเสียงร้องตามสนามต่าง ๆที่จัดประกวดกันทุกปี ส่งผลทำให้ราคาของนกปรอดหัวจุกขยับตัวสูง มีราคาแพงตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท เป็นที่สนใจกับมือสมัครเล่นเริ่มนิยมหันมาเลี้ยงเพื่อจำหน่ายกันมากขึ้น
อย่างที่บ้านของนายธนกร เพ็งนาเรนทร์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 /2 หมู่ 13 ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เลี้ยงนกปรอดหัวจุกสำลีตาแดง ซึ่งมีลักษณะลำตัวสีขาว ขอบใต้ตา และในตาเป็นสีแดง เป็นนกปรอดอีกสายพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมจากวงการนกทั่วประเทศให้ความสนใจหันมาเลี้ยง แต่ด้วยราคาของนกสายพันธุ์นี้ค่อนข้างมีราคาแพง ถึงตัวละหลักแสนบาท จึงยังทำให้ไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายมากนัก
จากความนิยมและราคาที่แพงของนกทำให้ นายเทิดธัญ เจริญรัตน์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/3 หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ. ได้นำโฉนดที่ดิน 7 ไร่ ซึ่งเป็นที่นา มาค้ำประกัน นกปรอดหัวจุกสำลีตาแดง จำนวน 1 คู่ เป็นตัวผู้และตัวเมีย ในราคา 600,000 บาท ( หกแสนบาท ) เพื่อนำไปเลี้ยงต่อยอดธุรกิจของครอบครัวหวังรวยช่วงหลังโควิดคลี่คลาย เสริมรายได้ครอบครัวอีกทาง
ด้านนายธนกร เพ็งนาเรนทร์ เจ้าของนกปรอทหัวจุกสำลีตาแดง เปิดเผยว่า นกชนิดนี้ในประเทศไทยังมีน้อย และมีน้อยในตลาดมาก ทำให้มีราคาค่อนข้างสูง จริง ๆแล้วนกตัวนี้มีมานานแล้วในประเทศ แต่มีคนเลี้ยงน้อยมาก ตนเองได้พัฒนาการเลี้ยงมาเรื่อย ๆ และรู้จักฟาร์มที่เลี้ยงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็เอามาเลี้ยงต่อ จนได้นกที่สมบูรณ์แล้วมีความเจริญพันธุ์ดี จึงต่อยอดเลี้ยงเรื่อยมาส่วนราคาจะอยู่ประมาณนี้ และไม่ได้แพงสุดในประเทศ แต่ยังมีนกอีกบางชนิดที่ราคาแพงกว่าแต่เป็นนกกรงหัวจุกอีกชนิดหนึ่ง เท่าที่รู้มาพ่อแม่คู่ละ 2 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งจะเป็นคนละชนิดกัน ส่วนตัวนกปรอดหัวจุกสำลีตาแดงนี้ถือเป็นราคาปานกลาง โดยนกคู่นี้ตั้งไว้คู่ละ 6 แสนบาท ตกตัวละ 3 แสนบาท ประกาศในเฟสบุ๊กว่าถ้าใครมีที่ดินในราชบุรีหรือ รถยนต์ สามารถนำมาแลกกับนกของตนเองได้ ส่วนคุณเทิดธัญ เจ้าของที่ดิน รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ทราบว่าตนเองเคยทำได้ ก็เลยอยากลองเลี้ยงนกดูบ้าง ส่วนที่ดินที่เอามาแลกนั้นทราบว่ามีราคาหลักล้านบาท ซึ่งมากกว่าราคานก จึงคิดว่าให้นำโฉนดดินที่นำมาวันนี้มาค้ำประกันจำนองไว้ก่อน เพื่อเอานกไปเลี้ยง ให้ระยะเวลา 1 ปี ก็จะได้ผลผลิตเป็นลูกนกออกมาขายได้กำไร แล้วค่อยนำเงินมาไถ่โฉนดที่ดินคืนไป แต่ถ้าครบ 1 ปี ยังไม่มาไถ่ออกไป ก็จะตกเป็นของตนเอง หรือถ้าจะนำที่ดินไปขายก่อนแล้วนำเงินมาให้ก็ได้อีกเช่นกัน ปลอดดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษเพราะในฐานะคนรู้จักกันมานาน ถ้าเป็นคนอื่นนำมาแลกจะขาดจากกันไปเลย เพราะไม่อยากมารับผิดชอบตอนหลัง
ส่วนนายเทิดธัญ เจริญรัตน์ เจ้าของที่ดิน เปิดเผยว่า มองว่าการเลี้ยงนกชนิดนี้จะมีช่องทาง มีอนาคต และน่าจะทำรายได้ ซื้อไปก็หวังผลว่าจะช่วยสร้างอนาคตให้เราได้ ปีหนึ่งออกลูกหลักสิบตัว หลังจากที่ได้ศึกษามาระดับหนึ่งแล้ว เรียกว่ามีพี่เลี้ยงดีอยู่แล้วจึงไม่น่ากลัว ส่วนที่บ้านทำธุรกิจร้านกาแฟ เลี้ยงกล้วยด่าง และบอนด่างอยู่ด้วย คิดว่าหากเราเลี้ยงนกปรอดหัวจุกสำลีตาแดงไปเรื่อย ๆ น่าจะคุ้มทุนที่ลงไป เพราะนกตัวหนึ่งมีราคาหลักแสนบาท หากซื้อไปเลี้ยงก็น่าจะทำรายได้ให้แน่นอน เพราะในประเทศมีเลี้ยงกันไม่กี่คนเท่านั้น
สำหรับการเลี้ยงนก ก็จะมุงหลังคาจัดเป็นกรงเป็นแถวยาว มีต้นไม้อยู่ด้านในให้นกได้บินเกาะเล่น มีน้ำ อาหาร รังไว้พร้อม ส่วนนกปรอดหัวจุก หรือ ปรอดหัวโขน ลักษณะบริเวณขอบตาจะมีสีดำราคาไม่ค่อยแพงนัก ส่วนนกปรอดหัวจุกสำลีตาแดง สีขาวทั้งตัว ลักษณะในตา ขอบใต้ตา สีแดงซึ่งมีราคาแพงถึงตัวละ 2 – 3 แสนบาท ผู้สนใจโทรสอบถามได้ที่ นายธนกร เพ็งนาเรนทร์ เจ้าของนกปรอดหัวจุกสำลีตาแดง 084 – 7525074
