ราชบุรี ในช่วงบ่ายของวันนี้ ( 6 ธ.ค. 61 ) นายวิเชียร ปานดาทอง อายุ 34 ปี น.ส.ปริชาติ บัวทอง อายุ 41 ปี พ่อแม่ และญาติ เดินทางเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ที่ศาลากลางจังหวัดราชบุรี หลังจาก น.ส.ปริชาติ บัวทอง เจ็บท้องคลอดลูก จึงเข้าใช้บริการคลอดลูกที่โรงพยาบาลปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ขณะเจ็บท้องระหว่างคลอด ผู้ร้องเรียนอ้างว่า หมอไม่ยอมมาดูแล จนทำให้ลูกต้องถูกรกพันคอเสียชีวิต โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย.61 ที่ผ่านมา
น.ส.ปริชาติ บัวทอง แม่ของเด็กที่เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ตนเองมีอายุครรภ์ครบกำหนด 9 เดือนที่จะคลอดในวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้แพทย์ที่โรงพยาบาลปากท่อ นัดตรวจร่างกายเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน แต่ตอนนั้นเจ็บท้องไม่มากหมอก็ให้กลับบ้าน ต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายน เริ่มเจ็บท้องมากขึ้น จึงเดินทางไปพบหมอที่โรงพยาบาลช่วงเช้าเวลาประมาณ 9 โมง เจ็บท้องอยู่ประมาณ 15 – 20 นาที ไม่นานก็เริ่มเจ็บท้องถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนประมาณ 4 ทุ่ม น้ำเริ่มเดิน แต่ตอนตี 1 และตี 3 หมอมาตรวจดู พอมาประมาณ ตี 4 หมอไม่ได้มาตรวจ จึงได้เรียกพยาบาลให้มาช่วยดูอีกที เพราะรู้สึกปวดท้องทนไม่ไหว จึงขอให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลราชบุรี แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้ส่งตัวกันไปได้ง่าย ๆ ทางโรงพยาบาลราชบุรี ไม่ได้รับตัวไปได้ง่าย ๆ ตนบอกไปว่ารู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว อยู่ประมาณตี 5 กว่า ๆ ถึงมาตรวจดูอีกครั้ง แล้วบอกว่าเด็กไม่ดิ้น หัวใจเด็กก็เริ่มเต้นริบหรี่ช้าลง ๆ ประมาณ 6 โมงเช้าก็ได้เรียกหมอเข้ามาซาวด์ดูพบว่าเด็กไม่หายใจ
สาเหตุน่าจะมาจากน้ำเดินออกจากท้องหมดแล้ว และเด็กก็คงจะดิ้น พอคลอดออกมาพบว่ารกพันคอเด็ก เพราะตนเองเจ็บท้องนานถึง 2 วัน วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี เพื่อขอให้ช่วยให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวด้วย โดยทางโรงพยาบาลน่าจะดูแลคนไข้ให้ดีกว่านี้ พยาบาลที่ดูแลเวลาคนไข้เรียกหาควรจะลุกขึ้นมาดูคนไข้ แต่กลับมานอนเล่นโทรศัพท์มือถือ โดยขณะนี้ได้เผาศพน้องไปสู่สุคติแล้ว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา จึงมาร้องศูนย์ดำรงธรรมดังกล่าว
ซึ่งเรื่องนี้นายแพทย์ประเสริฐ ฉัตรวิชชานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากท่อ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่แม่เด็กมานอนรอคลอดก็ออกมาบอกว่า ในลักษณะของการคลอดที่ผิดปกติทุกราย เราก็จะปรึกษาสูติแพทย์ของโรงพยาบาลราชบุรีทุกราย แต่สำหรับคนไข้รายนี้มีการตรวจรักษากับเรา มีการตรวจวัดความเต้นของหัวใจของทารกเป็นระยะๆ และก็มีการบันทึกของการเต้นของหัวใจของทารกเป็นแผนกราฟอยู่ในเกณฑ์ปกติมาโดยตลอด ทีนี้มันอยู่ในช่วงเวลาระยะหนึ่งอยู่ๆการเต้นของหัวใจของเด็กก็มีอาการแปรปวน ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้สาเหตุอะไร แล้วก็พยายามแก้ไข สุดท้ายสาเหตุจริงๆมาจากสายสะดือพันคอทารก ซึ่งภาวะสายสะดือพันคอทารกนั้นจะต้องชี้แจงว่ามันเป็นสาเหตุที่สุดวิสัย ซึ่งบอกเลยว่าไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ มันไม่สามารถตรวจพบได้ก่อน ในรายที่คลอดปกติทั่วๆไป ไม่ว่าจะใช้กระบวนการตรวจอัลตราซาวด์ ถือเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ กระบวนการนี้เราก็ให้การดูแลอยู่เต็มที่ ส่วนการที่เราไม่ได้นำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลราชบุรีเพราะเป็นการคลอดปกติ และการส่งตัวก็จะมีขั้นตอนของมันอยู่ว่าอาการของผู้ป่วยนั้นเข้าเกณฑ์หรือไม่ ส่วนในช่วงที่จัดงานศพนั้นเจ้าหน้าที่เราก็ไปร่วมงานด้วย แต่ในวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันเผานั้น ทางเราไม่ได้ไปเพราะติดงานกัน แต่ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลจะดูแลในเรื่องของความช่วยเหลือต่างๆที่สามารถช่วยได้ โดยจะดูตามระเบียบของโรงพยาบาล ซึ่งจะพยายามดูแลอย่างดีที่สุด
