X

ชาวบ้านทนดมกลิ่นขี้หมูนาน 20 ปี  ร้องหน่วยงานไม่คืบเพราะเจ้าของมีญาติเป็นนักการเมือง

ราชบุรี       ในวันนี้ ( 18 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในต.วัดเพลง  อ.วัดเพลง  จ.ราชบุรี  ว่าสุดจะทนแล้วเพราะต้องทนดมกลิ่นขี้หมูที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ บางคนต้องยอมย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น  บางคนต้องประกาศขายบ้านและที่ดินเพื่อจะไปหาซื้อที่อยู่ใหม่  นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการรีสอร์ทในพื้นที่ต้องยอมปิดตัวเอง  เนื่องจากไม่มีลูกค้ามาใช้บริการหรือมาแล้วไม่มาซ้ำเพราะทนกลิ่นขี้หมูไม่ไหว   ซึ่งชาวบ้านนั้นต้องทนมานานหลายปี  ไม่มีใครกล้าจะไปร้องเรียนจริงจัง  เพราะทราบว่าทางผู้ประกอบการฟาร์มหมูซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม โดยมีคลองแควอ้อมกั้นไว้  มีญาติเป็น สจ.ราชบุรี ทำให้ชาวบ้านหลายคนนั้นไม่กล้าที่จะออกหน้ามาร้องเรียน  ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ โดยได้พบกับกลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งที่กล้าที่จะมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว

โดยนางวรรณา  อิ่มรุ่งเรือง  สมาชิกสภาเทศบาลตำบลวัดเพลง  ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เดือดร้อน  ก็บอกว่า เขตเทศบาลตำบลวัดเพลงจะมีชุมชนที่หนาแน่น มีทั้งโรงเรียนอนุบาล  โรงเรียนประถม และมัธยม  วัดพุทธ  วัดคริสต์  โรงพยาบาล  ซึ่งทุกแห่งจะได้รับกลิ่นขี้หมู  ซึ่งแรงมากโดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตก บ้านไหนที่ไม่ได้เปิดแอร์หรือมีบ้านที่ติดกระจกทั้งหมดก็จะได้รับกลิ่นเต็ม ๆ เป็นอย่างนี้มานานหลายสิบปี  ซึ่งก็เคยไปร้องเรียนหลายที่แต่พอมาตรวจที่ฟาร์มก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นมา เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานแล้ว  ซึ่งที่บ้านมีคนแก่ และเด็กก็ต้องทนดมกลิ่นเหม็นไปเพราะไม่มีอะไรจะไปแก้ได้  เปิดแอร์ทั้งวันค่าไฟฟ้าก็ขึ้นจ่ายไม่ไหวอีก  ซึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาก็อยากจะทางฟาร์มได้ควบคุมกลิ่นให้อยู่แต่ในฟาร์ม  ซึ่งให้ฟาร์มอยู่และชาวบ้านอยู่ได้  แต่ทุกวันนี้ทางฟาร์มก็อ้างว่ากลิ่นนั้นจะมามีในช่วงที่ฝนตก  ส่วนเวลาอากาศร้อนจะไม่มีกลิ่นเพราะแดดจะทำให้ขี้หมูแห้ง  ทำให้ไม่มีกลิ่น  ซึ่งหากทำให้ขี้หมูแห้งจะไม่มีกลิ่นเชื่อว่าทางฟาร์มจะแก้ไขปัญหาได้  รู้ว่าเป็นอาชีพดั้งเดิม ก็ไม่อยากจะให้เลิกกิจการไปแต่ขอให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของกลิ่นเหม็นเท่านั้น ซึ่งฟาร์มนั้นตั้งอยู่ใน  จ.สมุทรสงคราม  แต่ผลกระทบมันข้ามมาเกิดกับ จ.ราชบุรี

ส่วนนายมานพ   อรรถมานะ   และนางสาวสุวรรณา  อรรถมานะ  สองพี่น้อง  ก็บอกว่า บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฟาร์ม  ก็จะได้รับผลกระทบเต็ม ๆ โดยจะได้รับกลิ่นรุนแรงมากถึงขั้นแสบจมูก  ต้องเปิดแอร์ทั้งวันซึ่งก็มีกลิ่นเข้าไปบ้างแต่ไม่มาก  แต่โดยทั่วไปแล้วเวลาออกมานอกบ้านก็จะหายใจลำบาก  เปิดแอร์ทั้งวันก็เปลืองไฟ  และการที่จะออกมาอยู่นอกบ้านก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่เพื่ออะไรเพราะมันเหม็นมาก  ซึ่งตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เหม็นทุกวัน  แต่น้องสาวอยู่มา 5 ปี ได้รับกลิ่นทุกวัน เคยร้องเรียนไปหลายที่แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ซึ่งในช่วงกลางคืนนั้นจะเหม็นหนักกว่ากลางวันเพราะเชื่อว่ามีการลักลอบปล่อยตอนกลางคืนและคิดว่าเป็นน้ำขี้หมูเพราะถ้าเป็นของเสียอย่างอื่นคงจะไม่เหม็นขนาดนี้ ถ้าเทียบความรุนแรงของความเหม็นนั้นบอกได้เลยว่าถ้าอยู่นอกบ้านจะกินอะไรไม่ได้  หายใจก็ไม่ค่อยออก  ซึ่งการแก้ไขก็อยากให้มีการระบบบำบัดที่ดี  ซึ่งการปล่อยน้ำเสียแบบนี้เป็นการเอาเปรียบชาวบ้านเกินไปเพราะการที่ทำธุรกิจก็จะต้องควบคุมกลิ่นเหม็นให้ได้เพราะมีผลกระทบต่อชุมชน  ซึ่งในพื้นที่ก็มีโรงเรียนที่ได้รับผบกระทบเต็ม ๆ

 

ด้านผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง  ก็บอกว่าหลังจากตื่นนอนตอนเช้าก็จะเปิดบ้านมารับอากาศบริสุทธิ์แต่กลายเป็นว่ามารับกลิ่นขี้หมูแทน 20 ปีที่ผ่านมานั้นเหม็นมาตลอด  ซึ่งเหตุเกิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 แต่ตอนนี้เพิ่งเริ่มจะมีกลิ่นและรุนแรงมาเรื่อยจนถึงตอนนี้  ที่ผ่านมาก็มีการไปร้องเรียนอยู่บ้างและมีหน่วยงานมาตรวจและทราบว่าทางฟาร์มขอเวลาปรับปรุงมาจนถึงตอนนี้   ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าต้นเหตุมาจากฟาร์มนี้ ก็เนื่องจากว่าในช่วงที่หมูเป็นโรคทางฟาร์มก็หยุดเลี้ยง  ซึ่งในช่วงนั้นอากาศดีมาก  แต่หลังจากกลับมาเลี้ยงสภาพอากาศก็เหมือนเดิม  ที่ผ่านมาก็แจ้งให้ทางผู้นำชุมชนได้รับทราบและแจ้งไปยังหน่วยงานเรื่องก็เงียบ  จึงทำให้ได้แต่เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศและเพิ่มเครื่องปรับอากาศเพื่อผลัดเปลี่ยนในการเปิด รวมทั้งติดกระจกรอบบ้านและปิดบ้านให้มิดชิด  เพราะไม่รู้ว่าลมจะพัดมาตอนไหน  ทำให้ตอนนี้ประสบปัญหากับค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก  แต่ก็ต้องสู้ต่อไป  ในตอนนี้อยากให้ฟาร์มนั้นไปหาที่อยู่ใหม่ซึ่งไม่ใช่อยู่กลางชุนชม เพราะผลกระทบในระยะ 5 ตารางกิโลเมตรนั้นมีผลกระทบแน่ ๆ ทั้งกลิ่นเหม็นและน้ำเสียในลำคลอง รวมทั้งอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาดูแลชาวบ้านเพราะ 20 กว่าที่ผ่านมานั้นเดือดร้อนกันมากเป็นพันครอบครัว  บางบ้านต้องยอมขายทั้งบ้านและที่ดินเพื่อไปหาซื้อที่อยู่ใหม่  โดยเฉพาะปลัดอำเภอวัดเพลง  ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้ก็บอกขายที่ดินมาหลายปีแล้ว  แต่หาคนซื้อไม่ได้  รีสอร์ทที่ขึ้นชื่อในอ.วัดเพลงก็ต้องปิดตัวเองเพราะไม่มีลูกค้ามาพัก หรือมีลูกค้ามาพักก็อยู่ไม่ได้ต้องขอคืนเงินเพราะกลิ่นแรงมาก เด็กนักเรียนในโรงเรียนแถวนี้ก็ขอย้ายออกไปเรียนที่อื่นหลายสิบคนเพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว  แม้แต่โรงพยาบาลวัดเพลงซึ่งอยู่ใกล้ๆก็ได้รับผลกระทบจากกลิ่นด้วย

นอกจากเรื่องของกลิ่นเหม็นแล้วยังมีเรื่องของการเผาเปลือกมะพร้าวเพราะบริเวณนี้ทำมะพร้าวขาย  ควันลอยไปรบกวนซึ่งส่วนใหญ่จะเผาช่วงกลางคืน  และเรื่องของโรงงานมะพร้าวที่ปอกมะพร้าวขายซึ่งลูกมะพร้าวนั้นจะต้องขาว  ทางโรงงานก็จะใช้คลอรีนหรือสาฟอกขาวมาล้างเพื่อให้ลูกมะพร้าวนั้นขาวสวย และหลังจากล้างแล้วก็จะปล่อยน้ำเสียลงในคลอง  ซึ่งบริเวณนี้อยู่ใกล้ท่อสูบน้ำประปาของเทศบาล  ก็จะสูบน้ำขึ้นไปบำบัดแล้วนำส่งให้ชาวบ้านใช้แต่สารดังกล่าวก็มากับน้ำพอเวลาใช้แล้วบางคนก็จะเกิดอาการแพ้  บางคนเป็นผื่นคันทั้งตัว  ทำให้ตนเองต้องไปซื้อเครื่องกรองน้ำหมดไปหลายหมื่นบาท  เพราะน้ำนั้นมีกลิ่นเหม็นและคัน  ซึ่งมีหน่วยงานนำน้ำไปตรวจแล้วก็พบว่ามีสารที่เป็นอันตรายในน้ำ  ทางประปาก็ต้องเพิ่มคลอรีนลงไปฆ่าเชื้อและเพิ่มตัวกรองเป็นการเพิ่มต้นทุน ก็อยากให้ทางผู้ประกอบการได้เห็นใจชาวบ้านในฝั่งของ จ.ราชบุรีที่ได้รับผลกระทบบ้าง

นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านมาให้ข้อมูลว่า เจ้าของฟาร์มแห่งนี้มีญาติเป็นนักการเมืองใน จ.ราชบุรี ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะไปร้องเรียน  ซึ่งแม้แต่ขณะที่ชาวบ้านมารวมตัวให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนก็ยังมีคนของฟาร์มหมูมาคอยยืนฟัง  จนชาวบ้านนั้นไม่กล้าที่จะให้ข้อมูลอะไรมาก

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี