ราชบุรี ในวันนี้ ( 5 พ.ย.66 ) นายจำนงค์ จันทร์วงศ์ ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมือง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่1 ต.หนองกลางนา อ.เมือง ว่ามีพายุพัด ต้นไม้ใหญ่ล้มทับศาลา ภายในวัดบางกระ ต.หนองกลางนา อ.เมือง มีผู้บาดเจ็บหลายราย หลังได้รับแจ้งได้ประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ มารับผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย นำส่งโรงพยาบาล 1 ใน 4 รายอาการสาหัส และในที่เกิดเหตุยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 ราย ซึ่งหลังเกิดเหตุทำให้ภายในบริเวณวัดเกิดการ โกลาหล ทั้งพระในวัดและชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาดูที่เกิดเหตุ พบต้นกร่างขนาด 5 คนโอบ อายุกว่าร้อยปีตั้งอยู่ข้างโบสถ์ ด้านปีกขวาได้ล้มทับศาลาจนพังเสียหาย และยังมีรถจักรยานยนต์ ถูกต้นไม้ล้มทับเสียหาย 4 คัน ซึ่งผู้บาดเจ็บทั้ง 6 คน นั้นเข้าไปหลบฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและมีลมพายุพัดแรงอยู่ในศาลาที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากเหตุการสงบลง ทางการไฟฟ้าได้มาทำการตัดไฟ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ อบต.หนองกลางนา ฝ่ายปกครอง ชาวบ้าน พระลูกวัดและทหารจิตอาสาจาก มทบ.16 จำนวน 11 นาย ได้ช่วยกันตัดกิ่งไม้เก็บกวาด เก็บซากปลักหักพังที่สามารถทำได้ ออกจากพื้นที่
ด้าน นายเอกชัย ทองอินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลหนองกลางนา และเป็นไวยยาวัจกรของวัดบางกระ ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าทางวัดมีการจัดกฐิน กฐินเสร็จเรียบร้อย ประมาณ 12.30 น หลังจากนั้น เวลาประมาณ 13:00 น เศษ มีฝนตกลงมา และเวลาประมาณ 14:00 น ก็มีพายุม้วนเข้ามา โดยมีเจ้าหน้าที่ของวัดซึ่งกำลังเก็บของ จึงวิ่งเข้าไปหลบฝนในศาลาที่พัง เสร็จแล้ว ก็มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ของวัดล้มลงมา ทับศาลา จึงทำให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 6 คน บาดเจ็บสาหัส 2 คน สลบไป 2 คน จึงนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลราชบุรี และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกเล็กน้อย 2 คน ทางวัดจึงได้แจ้งไปยังหน่วยงาน ที่รับผิดชอบก็คือองค์การบริหารส่วน ตำบล หนองกลางนา และก็ทางอำเภอ และได้แจ้งไปยังท่านผู้ว่า และได้สั่งการให้คุมพื้นที่ไว้ก่อน ไม่ควรให้ใครเข้าไปในที่เกิดเหตุ กลัวจะเกิดอันตรายซ้ำ โดย ผู้ที่รับผิดชอบ กำลังส่งหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ เบื้องต้นจะดำเนินยังไง ต่อไป ทั้งนี้กำลังรอ หน่วยงานจากอำเภอ ที่ทางผู้ว่าสั่งการลงมา สำหรับ ต้นไม้ที่ล้มลงมานี้ คาดว่า มีอายุมากกว่า 90 ปี ส่วนค่าเสียหายในเบื้องต้น จุดศาลาที่เสียหาย อยู่ประมาณ 500,000 บาท แล้วก็รถมอเตอร์ไซค์ และ ศาลาอีกหลายแห่ง ก็เสียหายเยอะ เสาไฟฟ้าที่ล้ม เบื้องต้นคาดว่า กว่าล้านบาท
ส่วนนายธนกิจ จันทรรักษา อายุ 59 ปี ผู้บาดเจ็บเล็กน้อยถูกพระพุทธรูปล้มทับมีแผลถลอกที่เหนือคิ้วซ้าย ได้กล่าวว่า ฝนมันตกหนัก และมีลมพายุม้วนจากแม่น้ำเข้ามา ลมพัดหนักมาก ซึ่งผมเองอายุจะ 60 แล้วพึ่งเคยเห็นครั้งแรกซึ่งก่อนหน้าพายุจะมา ฝนได้ตกลงมาก่อน ฝนตกสักพักก็ค่อยๆ มาจากเบามาเป็นแรงจากแรงที่นี้มาหนักเลย ซึ่งตอนเกิดเหตุตนนั่งหลบฝนอยู่ในศาลาจุดเกิดเหตุ หลังจากต้นไม้ล้มทับศาลาที่ตนนั่งอยู่ก็ได้วิ่งหนีออกมาแบบฉิวเฉียด ตนได้รับบาดเจ็บที่คิ้วซ้าย และที่เข่าซ้ายก็โดนพระพุทธรูปล้มทับแต่ไม่เป็นอะไรมาก ซึ่งหลังเกิดเหตุทุกคนที่อยู่ในศาลานั้นต่างหนีเอาตัวรอดกันหมด ซึ่งโชดดีที่งานกฐินเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากมีพายุช่วงมีกฐินคงจะมีคนเจ็บมากกว่านี้
ด้านนายชลอ มิตรมาก อายุ 52 ปี ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่หลัง ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตอนนั้นกำลังจะเก็บของใส่รถ แต่ลมมันหวลขึ้นมาเป็นลูก ตอนที่ต้นไม้ล้มทับศาลาเราไม่เห็นเหตุการณ์เพราะอยู่ในศาลาจุดเกิดเหตุ มารู้อีกที่คือต้นไม้ล้มทับศาลาแล้วและตนก็ได้ก้มลงหมอบคือหลังคามันทับตัวเราไปแล้วโชดดีที่หมอบลงกับพื้นไปก่อน ส่วนภรรยาตนนั้นบาดเจ็บ ตอนนี้ได้นำส่งโรงพยาบาลไปแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นมีเจ็บหนักอยู่ 1 คน ที่เหลือก็หัวแตก ซึ่งจะอยู่ในศาลากัน 6 คน ส่งโรงพยาบาลไป 4 ส่วนตนเจ็บเล็กน้อยที่หลัง ซึ่งโดนหลังคาทับคือช่วงนั้นหน้าเราคว่ำอยู่เราก็หมอบไปเลยซึ่งโชดดีที่พระไม่ล้มลงมาทับตัวเราด้วย และนับว่ายังโชดดีที่เหตุการณ์ไม่เกิดตอนมีกฐินไม่งั้นตายแน่ซึ่งถ้าเกิดช่วงกำลังมีกฐิน รับรองได้เลยว่าประชากรเยอะแน่ และจะเกิดการเหยียบกันซึ่งมีคนมาทอดกฐินไม่ต่ำกว่า 1,000 คน
ข่าวน่าสนใจ:
จากเกตุการณ์พายุที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวก็ยังได้รับแจ้งว่ามีต้นไม้ล้มขวางถนน ซึ่งอยู่ข้างวัดคลองโพธิ์ ในต.ท่าราบ อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่คนละฝังแม่น้ำ ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบเป็นต้นขี้เหล็กล้มขวางถนนอยู่ ทางฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ อบต.ท่าราบได้ปิดถนนให้ใช้เส้นทางอื่น ก่อนที่จะนำเลื่อยยนต์มาทำการต้นกิ่งไม้เพื่อเปิดทางให้รถสามารถวิ่งไปได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็สามารถเปิดให้ใช้เส้นทางได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: