ราชบุรี ในวันนี้ ( 31 พ.ค. 67) นายสุทธิพงษ์ พุทธจันทรา นายอำเภอเมืองราชบุรี ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเมืองราชบุรีและสมาชิก อส. ได้ไปทำการล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ที่ร้านขายน้ำหอมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี หลังมีผู้ปกครองได้แจ้งเบาะแสมาว่าที่ร้านแห่งนี้ด้านหน้าร้านจะเปิดขายน้ำหอม แต่หลังร้านจะลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับกลุ่มนักเรียน และนักศึกษา ซึ่งเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมทำให้มีเด็กนักเรียนเข้าไปซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก จึงได้วางแผนเข้าทำการล่อซื้อ
โดยเมื่อเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเมืองราชบุรีได้เข้าทำการล่อซื้อและเมื่อได้บุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว จึงได้ขอเข้าทำการตรวจค้นภายในร้าน และห้องที่อยู่ติดกันเนื่องจากทราบมาว่า ทางร้านได้ทำการขอเช่าเพื่อเก็บของก็ไปพบ บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 71 ชิ้น น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 85 ชิ้น คอยล์ จำนวน 155 ชิ้น เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 62 ชิ้น หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 602 ชิ้น เงินสดจากการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 3,162 บาท เอกสารการโอนเงินเข้าบัญชีเจ้าของร้านและแชทการสนทนา จึงได้นำของกลางทั้งหมด รวมทั้งพนักงานขายจำนวน 2 คนที่อยู่ในร้านมาทำการสอบสวนที่ว่าการอำเภอเมืองราชบุรี
จากการสอบถามน.ส. เปิ้ล (นามสมมุติ) ผู้ดูแลร้าน ให้การว่าตนเองนั้นเป็นเพียงลูกจ้างได้รับค่าจ้างวันละ 500 บาท ส่วนบุหรี่ไฟฟ้า,อุปกรณ์รวมทั้งเงินที่ตรวจยึดนั้นเป็นของนายต้น (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และร้านนี้ก็เพิ่งจะมาเปิดได้เพียง 2 อาทิตย์ มียอดขายเฉลี่ย 5,000 บาทต่อวัน กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษา เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเปิดภาคเรียน มีเด็ก นักเรียน นักศึกษาเข้ามาซื้อเป็นจำนวนมาก
สำหรับบุหรี่ไฟฟ้าที่นำมาจำหน่ายนั้นจะถูกเก็บเอาไว้ที่ตึกแถวข้างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม และเมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อก็จะไปเอาสินค้าที่ตึกแถวดังกล่าวและนำมาส่งให้ลูกค้าที่ร้าน จนกระทั่งมาถูกล่อซื้อและถูกจับกุมได้ในวันนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา 1. ร่วมกันเป็นผู้ขายหรือจัดหาด้วยประการใดๆ หรือเสนอ หรือชักชวนให้มีการขาย ให้บริการหรือจัดหาด้วยประการใดๆ ซึ่งสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค 2.ร่วมกันเป็นผู้นำเข้าซึ่งสินค้าต้องห้ามส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร 3.ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร 4.ร่วมกันฝ่าฝืนพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 246 ซื้อ รับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นความผิด
ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองราชบุรี ดำเนินคดีต่อไป ส่วนนายต้นเจ้าของร้านนั้นทางหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการออกหมายเรียกมาสอบสวนต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: