ราชบุรี จากกรณีที่มีเพจเฟสบุ๊ค หลายเพจได้นำข่าวเรื่องของการนำเข้าหมูเถื่อนในจ.ราชบุรี และเส้นทางการเงินหมูเถื่อน 200 ล้าน โดยมีนักการเมืองในจ.ราชบุรี เข้าไปเอี่ยวในเรื่องนี้ ซึ่งก็คือบริษัทกาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด ของครอบครัวนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต2 ซึ่งข่าวนี้มีการนำเสนอมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ก่อนจะเงียบหายและล่าสุดก็มีการนำมาในลงโซเชียลอีกครั้งจนทำให้ข่าวนี้กลายเป็นไวรัลขึ้นมาในช่วงนี้ ประกอบกับในช่วงนี้จะมีการเลือกตั้งนายกอบจ.ราชบุรี ซึ่งมีนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา สามีของนางบุญยิ่ง ลงสมัครด้วยจึงเกิดกระแสวิพากวิจารย์ถึงการทำธุรกิจเลี้ยงสุกรของครอบครัวนางบุญยิ่ง และอาจจะเป็นการดิสเครคิตทางการเมืองของนายวิวัฒน์ ด้วย
ล่าสุดในวันนี้ ( 28 ส.ค.67 ) ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งนางบุญยิ่งได้นำเอกสารจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีรายละเอียด แจ้งถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัทกาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด ลงวันที่ 15 มีนาคม 2567 มาแสดง เรื่องการแจ้งผลการตรวจสอบ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันอาจเป็นความผิดตามมาตรา 244 และ มาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 นั้น จากการสืบสวนของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัท กาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด ได้กระทำผิด กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมายที่ดำเนินการสอบสวนอยู่ในขณะนี้ ลงชื่อ พ.ต.ต. ณฐพล ดิษฐธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
นอกจากนี้นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี ยังบอกอีกว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเก่าและไม่เป็นความจริง เรื่องหมูเถื่อนนั้นตนไม่ได้ทำ ไม่เคยคิดจะทำ ซึ่งในช่วงที่มีข่าวออกมาก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศไทยได้หยุดซื้อ ทางบริษัทจึงได้จัดส่งเอกสารให้ทางดีเอสไอดูหมดเลยว่าการค้าขายทำอย่างไรบ้าง จนมีการออกหนังสือยืนยันมาว่าไม่พบปัญหา การที่ดีเอสไอออกมาแบบนี้ได้คงไม่ใช่ธรรมดา ในสังคมโซเชียลก็บอกแล้วว่าครอบครัวหนึ่ง พ่อทำ ลูกทำก็อยู่อเมริกา และได้กลับมามอบตัวแล้ว ก็รู้นะว่าใครทำแต่ก็โยงให้มาที่บ้านนี้อย่างเดียว ซึ่งธุรกิจของตนเองตอนนี้ไม่กระทบแล้ว เพราะผู้ประกอบการได้ซื้อหมูปกติแล้ว เขาเห็นหนังสือแล้วก็จบ สังคมโซเชียลจะพูดอย่างไรก็ไม่สนใจ ภาครัฐเชื่อว่าเราไม่ได้ทำ เป็นธุรกิจที่เสียภาษีถูกต้อง วันนี้ที่ออกมาพูดในส่วนของการเป็นนักธุรกิจ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง
อยากให้สังคมรู้ข่าวหมูเถื่อนว่า ความจริงธุรกิจบ้านตนนั้นไม่ได้ทำแบบนั้น ธุรกิจของตนเองนั้นตอนนี้ได้ยกให้ลูกๆหมดแล้ว ธุรกิจทุกอย่างก็ไม่มีชื่อของตนเองเลย ตอนนี้สงสารลูกๆ มาก แต่พอเขาได้ให้หนังสือฉบับนี้มาก็โล่งใจ สามารถค้าขายต่อไปได้แล้ว
จึงขอสื่อสารกับสังคมในฐานะเป็นแม่ของลูก ๆ ทำธุรกิจการเกษตรเลี้ยงหมู การเลี้ยงหมูของตน ก็มีโรงงานอาหารสัตว์ มีพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ มีทั้งพันธุ์ปู่ ย่า มาผสม และเป็นพันธุ์ชั้นดี เลี้ยงในธุรกิจของเครือกาญจนา และยังมีโรงงานแปรรูปหมู แปรจากตัวให้เป็นชิ้นส่วน ซึ่งตรงนี้ส่งออกต่างประเทศด้วย ช่วงโควิดได้ส่งออกไปจำนวนมาก เรามีการแปรรูปอย่างถูกต้อง ถูกสุขลักษณะอนามัยทุกอย่างเป็นวงจรของเราเองทั้งหมด ซึ่งทางดีเอสไอได้มีหนังสือยืนยันมาแล้วว่าที่บริษัทฯไม่พบปัญหาข้อผิดพลาดเรื่องหมูนำเข้า
ดิฉันและครอบครัวอยากขอความเป็นธรรมจากสังคม เพราะว่าครอบครัวดิฉันไม่ได้ทำหมูเถื่อน การเลี้ยงหมูถือเป็นอาชีพของครอบครัวและจะต้องทำให้ถูกต้อง เพื่อให้ลูกหลานมีอาชีพทำมาหากินต่อไป ฝากด้วยว่าท่านที่สงสัยว่าดิฉันทำผิดหรือไม่นั้นให้ดูเอกสารได้ และจะนำเอกสารปล่อยลงในเพจ เฟซบุ๊กของดิฉัน เพจธุรกิจของดิฉัน และสอบถามไปที่ดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรมว่าสอบสวนบริษัทกาญจนาเฟรช พอร์ค แล้วเป็นอย่างไร ซึ่งทางดีเอสไอสามารถอธิบายได้ อยากให้สังคมรับรู้ว่าที่มาพูดวันนี้ เพื่อปกป้องธุรกิจของลูก ๆ จึงอยากให้สังคมได้มีความเข้าใจ ในส่วนของโซเซียล ที่ลงข่าวให้เกิดความเสียหายนั้น เพื่อเป็นการปกป้องธุรกิจของตนก็จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป และขอยืนยันว่าธุรกิจของครอบครัวนั้นครบวงจรจึงไม่จำเป็นจะต้องเอาหมูเถื่อนเข้ามาทำลายธุรกิจของตนเองอีก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: