X

ยิงทิ้งหนุ่มเมียนมาร์  2 ศพ ริมชายแดนสวนผึ้ง ตำรวจตามรวบได้ที่ด่านแม่สอด

ราชบุรี     เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 14 พ.ย.67  พ.ต.ต.ชัยวัฒน์   ปุรินทราภิบาล  สารวัตรเวรสภ.สวนผึ้ง  จ.ราชบุรี  ได้รับแจ้งเหตุ พบผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณริมถนนลูกรังทางเข้าหมู่บ้านโป่งสองเกาะ  ม.7 ต.สวนผึ้ง  อ.สวนผึ้ง  จ.ราชบุรี จึงรายงานให้ พล.ต.ต.วชิรพงษ์  อมราพิทักษ์  ผบก.ภ.จ.ราชบุรี  พ.ต.อ.อำนวย  เด่นเวหา  ผกก.สภ.สวนผึ้ง  พ.ต.ท.อโณทัย  สายกสินธุ์  รองผกก.สส.  และพ.ต.ต.พงษ์ศักดิ์  ทองเหลือ  รองผกก.ป. ได้รับทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจ.ราชบุรี  แพทย์เวรโรงพยาบาลสวนผึ้ง  และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี ในที่เกิดเหตุอยู่ริมชายแดน  พบผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกชื่อนายออง  ซาน วิน  อายุ 43 ปี เป็นชาวเมียนมาร์  ทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร สภาพศพถูกยิงเข้าที่ท้อง 1 นัด หัว 1 นัด และที่มือข้างขวามีบาดแผล  ใกล้กันพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1ปลอก  โทรศัพท์มือถือและเงินสดจำนวนหนึ่ง ตรวจสอบเอกสารในตัวนอกจากบัตรต่างด้าวแล้วยังพบใบขับขี่รถยนต์ด้วย    ห่างจากศพแรกไปประมาณ 300 เมตร พบศพนายซอ ซอ  ชาวเมียนมาร์  สภาพศพอยู่ในป่าละเมาะข้างทาง มีบาดแผลที่บริเวณศรีษะด้านหลัง  ใกล้กันพบกองเลือดจำนวนมาก  พบรองเท้าแตะคาดว่าจะเป็นของผู้ตายกระเด็นอยู่คนละทิศละทาง  และพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 2 ปลอก  เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    จากการสอบถามนางสาวนฤมล    แก้วแจ่มศรี  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.7  ต.สวนผึ้ง  ก็เล่าให้ฟังว่า เส้นทางสายนี้เป็นทางตันสำหรับรถยนต์  ซึ่งเข้ามาได้แค่เพียงจุดเกิดเหตุ  แล้วต้องกลับออกทางเก่า  ส่วนถ้าจะไปต่อต้องใช้รถจักรยานยนต์อย่างเดียว  เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนที่รู้จักเส้นทางสายนี้จึงได้เข้ามาก่อเหตุ  ส่วนผู้ตายทั้งสองคนนั้นไม่มีใครรู้จักน่าจะไม่ใช่คนพื้นที่อ.สวนผึ้ง

จากการสอบสวนเบื้องต้นมีญาติโทรศัพท์เข้ามือถือของผู้ตายก็ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายทั้งสองคนออกจากบ้านในเขตจ.สมุทรสาคร มากับเพื่อนอีก 4 คน  รถยนต์ 2 คัน  ตั้งแต่ 20.30 น. โดยมีกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านจับภาพไว้ได้  และหายไปพยายามติดต่อเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย  จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับสายและแจ้งให้ทราบว่าญาติทั้งสองคนนั้นถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณจุดเกิดเหตุ  และให้มาติดต่อเพื่อสอบถามปากคำ

    ส่วนนายวิน   ชาวเมียนมาร์ ซึ่งเป็นน้องชายของนาย ออง  ซาน  วิน  ผู้เสียชีวิต  มาเป็นล่ามแปลภาษาให้กับนายอาการ  ชาวเมียนมาร์  ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวจากเหตุการณ์นี้  ก็บอกว่า ได้รับการติดต่อจากเพื่อนชาวเมียนมาร์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาจำนวน 3 คน  ว่าจ้างให้ไปส่งที่จ.ราชบุรี  โดยว่าจ้างรถ 2 คัน เนื่องจากอ้างว่ามีสิ่งของที่ต้องบรรทุกไปด้วย  ทำให้ผู้ตายกับนายอาการ นำรถปิกอัพออกมาคนละคัน ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 13 พ.ย.67 และไปแวะรับเพื่อนของผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่บริเวณตลาดมหาชัย  จ.สมุทรสาคร ซึ่งในช่วงนั้นก็ไม่ได้มีสิ่งของที่ต้องบรรทุกไป  แต่เมื่อออกมาแล้วจึงได้ยอมขับรถมาส่งที่จ.ราชบุรี เพราะผู้ต้องหาโอนเงินมัดจำมาให้แล้วจำนวน 1000 บาท และเมื่อมาถึงจุดหมายจะให้อีก 4000 บาท  โดยรถของนายออง  ซาน วิน  (ผู้เสียชีวิต)นั้นนั่งมาทั้งหมด 3 คน มีนายออง ซาน วิน เป็นคนขับ  นายซอ  ซอ  ผู้ตายอีกคนนั่งซ้าย  ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นคนว่าจ้างนั่งในแคป  ส่วนรถของนายอาการ มีนายอาการเป็นคนขับและมีผู้ต้องหาอีก 2 คน นั่งหน้าและในแคป   ซึ่งรถของนายออง  ซาน วิน  นำหน้าทิ้งห่างรถของนายอาการประมาณ 150 เมตร  ซึ่งเมื่อถึงจุดเกิดเหตุเป็นช่วงทางโค้ง  ผู้ต้องหา 2 คน ที่นั่งมาในรถและบอกให้จอดรถ  ซึ่งช่วงนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด  ซึ่งผู้ต้องหาที่นั่งมาด้วยบอกว่าน่าจะเป็นการยิงสัตว์ จากนั้นได้ใช้มีดจี้ที่คอพร้อมกับบอกให้ถอดทรัพย์สินมีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท โทรศัพท์มือถือ พร้อมกับบังคับให้บอกรหัสถอนเงินในแอปธนาคารซึ่งมีอยู่ประมาณหนึ่งแสนบาท  จากนั้นบังคับให้ถอดเสื้อ ก่อนจะให้ลงจากรถและถีบตนเองตกลงไปในเหว  ซึ่งมีน้ำเล็กน้อยด้วยความตกใจกลัว  จึงรีบวิ่งฝ่าความมืดไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน  แต่ไม่มีใครช่วยเนื่องจากนายอาการนั้นพูดภาษาไทยไม่ได้   จึงหนีไปจนถึงวัดซึ่งอยู่ใกล้ๆและไปแอบอยู่ก่อนจะไปเจอเพื่อนชาวเมียนมาร์ด้วยกันในช่วงเช้า  พร้อมกับขอความช่วยเหลือขอโทรศัพท์โทรหาภรรยาให้มาช่วยเหลือ  ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุนั้นไม่ทราบว่าเพื่อนอีก 2 คนที่อยู่ในรถคันหน้านั้นถูกยิงตายและไม่เห็นเหตุการณ์ด้วย  แต่ตอนนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปติดตามจับกุมตัวได้แล้วที่แม่สอด  จ.ตาก  ตนก็อยากจะถามว่าแค่ต้องการรถต้องฆ่ากันด้วยหรือ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสามคนที่หลบหนีไปและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในอ.แม่สอด  จ.ตาก จับกุมไว้ได้พร้อมรถยนต์ 2 คันที่ขโมยไป  พร้อมกับไปนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่สภ.สวนผึ้ง  จ.ราชบุรี ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น  ร่วมกันฆ่าผู้อื่น  และร่วมกันลักทรัพย์  ต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี