ราชบุรี จากกรณีที่มีชาวบ้านที่อยู่ริมสองฝั่งคลองในต.ตาหลวง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ได้ร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมจ.ราชบุรี เรื่องที่มีเรือท่องเที่ยวในคลองดำเนินสะดวก ที่วิ่งผ่านคลองหน้าวัดปรก หมู่ 6 ต.ตาหลวง เชื่อมต่อกับคลองทองหลาง เพื่อนำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก และสัมผัสธรรมชาติสองฝั่งคลอง ก่อนจะแวะไปไหว้หลวงพ่อแดงศักดิ์สิทธิ์ที่วัดปรกเจริญ และออกไปจ.สมุทรสงคราม ซึ่งเรือที่วิ่งมาจะเป็นเรือหางยาวติดเครื่องยนต์เสียงดัง และวิ่งเร็วทำให้เสียงเครื่องเรือที่ดังนั้นรบกวนชาวบ้าน และแรงของคลื่นก็กระทบเข้าฝั่ง จนทำให้สิ่งปลูกสร้างริมคลองได้รับความเสียหาย และปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันทำการปักธงสีแดงเพื่อเป็นสัญญลักษณ์และเรียกร้องให้เรือที่นำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมสองฝั่งคลองได้ลดความเร็วลงเพื่อให้ชุมชนสองฝั่งคลองอยู่ร่วมกันได้และไม่กระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอีกทั้งในพื้นที่มียังมีโรงเรียนเด็กเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาและไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน
ในวันนี้( 15 มค. 61) นายสุภรักษ์ พรมหงส์ เจ้าพนักงานขนส่งปฏิบัติงาน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครปฐม และคณะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณท่าน้ำวัดปรกเจริญ หมู่ 6 ต.ตาหลวง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งก็พบว่าบรรดาเรือที่นำนักท่องเที่ยวนั้นมานั้นได้ลดความเร็วลงเหมือนกับจะรู้ว่ามีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ ทำให้วันนี้ในคลองตาหลวงไม่มีคลื่นแรง ไม่ควันพิษและไม่มีเสียงเครื่องเรือที่ดังจนแสบแก้วหู เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
โดยนายสุภรักษ์ พรมหงส์ เจ้าพนักงานขนส่งปฏิบัติงาน สำนักงานกรมเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครปฐม ก็บอกว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาแล้ว ได้ดำเนินการปรับกรณีเรื่องเสื้อชูชีพ แต่ส่วนเรื่องการร้องเรียนลำคลองนั้น มีเจ้าหน้าที่ดูแลน้อยมากไม่เพียงพอที่จะมาดูแลเรื่องการปราบปราม ส่วนเรื่องที่มีการร้องเรียนผ่านโลกโซเชียลเข้าใจว่าเป็นเรื่องของคนขับเรือ อยู่ที่จิตสำนึก ทางเจ้าหน้าที่ได้พูดตักเตือนไปแล้ว
อนาคตได้เตรียมโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดขึ้น ซึ่งถ้าหากพบผู้กระทำความผิดจากในกล้องที่บันทึกภาพของผู้ที่ขับเรือใช้ความเร็ว สามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย โดยต้องดูว่าผิดมาตราไหน ข้อหาอะไรบ้าง เช่น ในการปรับของมาตรา 175 ที่ใช้อยู่ ขณะนี้ คือ ไม่สวมเสื้อชูชีพ จะปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท โดยได้ดำเนินการปรับมาตั้งแต่ช่วงปีใหม่จนถึงตอนนี้ประมาณ 20 รายแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นการขับเรือของแต่ละบุคคล ทางเจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว เป็นการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก คือ ต้องประชาสัมพันธ์พูดคุยกับผู้ประกอบการแต่ละรายก่อน ถ้าไม่เชื่อฟังคำตักเตือนของเจ้าหน้าที่ จึงจะดำเนินการยึดใบขับขี่เรือเป็นมาตรการหนักที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: