ราชบุรี ในวันนี้( 1 ส.ค. 62 ) ผู้สี่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีลุงวัย 74 ปีท่านหนึ่ง ที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้างมาตั้งแต่อายุได้ 8 ขวบ ต้องใช้ระบบสัมผัสมือ และมีความสามารถหลายอย่าง อาศัยบ้านปูนชั้นเดียวมุงด้วยหลังคาสังกะสีที่ผุ ๆ สภาพเก่า มีรูรั่วรอบด้านฝนตกอยู่แทบไม่ได้ ไม่มีญาติพี่น้องคอยดูแล โดยอาศัยอยู่ใน ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายสังเวช หรือลุงอึ่ง เทียมเสมอ อายุ 74 ปี เดิมเคยอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี กำลังใช้สองมือคลำกาบกล้วยแล้วบรรจงใช้มีดกรีดให้เป็นเส้นๆอย่างสวยงามเพื่อนำไปผลิตเป็นกระเป๋า
จากการสอบชีวิตความเป็นมาของลุงอึ่งได้เล่าให้ฟังว่า พ่อของลุงได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ตนยังเล็ก ส่วนมารดาเสียชีวิตตอนอายุได้ 13 ปี ตัวเองมองไม่เห็นมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เกิดจากอาการปวดบวมบริเวณลูกตาจนอักเสบมีหนองไหลออกมา ไม่มีคนพาไปรักษาและมองไม่เห็นมาจนถึงปัจจุบัน หลังมารดาเสียชีวิตแล้ว จึงตัดสินใจออกจากบ้านทั้งที่ตาบอด เพื่อหางานทำที่กรุงเทพฯ ทำงานยกเข่งผลไม้ลงจากรถ โดยมีเพื่อน ๆ คอยช่วยเหลือในตลาดที่ทำงาน และยังช่วยหาที่พักอาศัยให้พักตามแผงผักในตลาด เลี้ยงตัวเองเรื่อยมา มีความสามารถหุงข้าว ทำกับข้าวกินเองได้ และจะได้เร่ร่อนไปหางานทำเรื่อยไปจนประมาณ 15 ปีที่แล้ว ได้ย้อนกลับมาอยู่ที่ ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม มีเจ้าของที่ใจบุญให้บ้านอยู่อาศัยมาจนถึงทุกวันนี้ แต่สภาพบ้านก็ทรุดโทรมใกล้จะพังแล้ว
และด้วยดวงตาที่มองไม่เห็นต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ช่วงที่ตัวเองออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน พอกลับเข้ามาพบว่า ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เครื่องใช้ในบ้าน พระเครื่องที่สะสมเก็บไว้มาตั้งแต่รุ่นพ่อก็หาย แม้กระทั่งไก่ชนที่เลี้ยงไว้หลังบ้านถูกขโมยหายไปหมด ทุกวันนี้แม้แต่ถังแก๊สเก่า ๆ ก็ต้องล่ามโซ่ไว้ เพราะกลัวมีคนตาดีเข้ามาขโมยอีก เข้ามาขโมยทุกอย่างที่เอาไปได้หลายครั้งแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องล่ามโซ่ใส่กุญแจถังแก็สปิกนิกไว้เพราะกลัวว่าจะถูกขโมยซ้ำอีก
ตอนนี้ได้รับความเมตตาจากศูนย์เรียนรู้บ้านช่างสกุลบายศรี อยู่หมู่ที่ 6 ต.เจ็ดเสมียน จ้างให้ไปกรีดกาบกล้วยเพื่อนำไปถักกระเป๋า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยให้ค่าแรงวัน วันละ 300 บาท แต่ไม่ได้ทำทุกวัน สุดแล้วแต่ทางเจ้าของบ้านจะจ้างทำแล้วแต่จะมีออเดอร์สั่ง ซึ่งตัวเองได้รับเบี้ยพิการที่หน่วยงานรัฐช่วงเหลือเดือนละ 800 บาท เงินผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท รวม 1,500 บาท อยู่ตัวคนเดียวมานานแล้ว
แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่คิดไปชั่วครู่ก็คิดว่าตัวเองยังทำกินได้ยังมีแรง ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ได้เท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่าที่มี อยากฝากบอกคนที่มีร่างกายครบว่า คนเราเกิดมาต้องขยัน ต้องพากเพียร ประหยัด หมั่นดูแลสุขภาพ ที่สำคัญต้องมีความซื่อสัตย์ หากไม่มีความอดทนและขยันไปที่ไหนก็ไปไม่รอด อย่าไปทำสิ่งผิดกฎหมายเท่านั้น ขนาดตัวเองมีร่ายกายไม่ครบ 32 ก็ยังทำงานใช้ชีวิตอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ แล้วคนที่มีร่างกายครบสมบูรณ์จะทำไม่ได้ได้อย่างไร ส่วนตัวเองยังโชคดีที่ได้พบกับ นายธนกร สดใส เจ้าของบ้านศูนย์เรียนรู้ช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ได้มาพบเห็นบ้านที่เก่าใกล้จะผุพังแล้ว จึงรู้สึกสงสาร ให้มาทำงาน กรีดกาบกล้วย ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยเท่าที่จะทำได้
ด้านนายธนกร สดใส เจ้าของบ้านศูนย์เรียนรู้ช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี กล่าวว่า ที่ศูนย์ฯ ส่วนใหญ่จะเป็นงานจักสาน เช่น ตระกร้า กระเป๋าที่ออกแบบตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งเข้ามา ที่เห็นนี้จะเป็นตัวอย่างที่ผสมผสานกับยีนส์ ส่วนอีกประเภทจะเป็นผลิตภัณฑ์ใช้กาบกล้วยเป็นเส้น ๆ ตากแดดแล้วอบให้แห้ง นำมาสานประดิษฐ์เป็นงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่ลูกค้าสั่ง เป็นการใช้วัสดุจากธรรมชาติที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม โดยให้ลุงอึ่งมาช่วยกรีดกาบกล้วยให้เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับลุงด้วย หรือถ้าไม่มีงานกรีดกาบกล้วยก็จะให้ช่วยทำความสะอาดสวนกล้วยเล็กๆน้อยๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าลุงมีความสามารถเทียบเท่ากับคนที่มองเห็นปกติเลย
สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาจะช่วยเหลือคุณลุง สามารถโอนเงินผ่านบัญชี นายสังเวช เทียมเสมอ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขานิคมอุตสาหกรรมราชบุรี เลขที่บัญชี 779-237004-8 หรือ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่นายธนกร สดใส เจ้าของศูนย์เรียนรู้บ้านช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี เบอร์ 099-1499746
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: