X
ฟ้องเปรมชัย

อัยการสูงสุดมีความเห็นตรงกับอัยการภาค 7 คดีเปรมชัย

หลังจากที่ทางตำรวจภูธรภาค 7  ได้ส่งความเห็นแย้งในกรณีที่อัยการภาค 7  ได้สั่งฟ้องนายเปรมชัย  กรรณสูตร  ผู้บริหารอิตาเลี่ยนไทย กับพวก จำนวน 6 ข้อหา 1.ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมุ่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต    2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาติ   3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต    4.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า   5.ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย   และ 6.ร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาติ    แต่ทางตำรวจภูธรภาค 7 ต้องการให้ฟ้องเพิ่มอีก 3 ข้อหาคือ คือ 1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ป่า 3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ซึ่งในวันนี้(30 เม.ย. 61) เวลา 10.00 น. นางสมศรี  วัฒนไพศาล  อธิบดีอัยการภาค 7  และนายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา2ภาค 7  ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่สำนักงานอัยการภาค 7  จ.ราชบุรี  ถึงกรณีที่อัยการสูงสุดได้ส่งความเห็นชี้ขาดกลับมาให้ทางอัยการภาค 7  ได้สั่งฟ้องนายเปรมชัยกับพวก ว่า ทางอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วและมีความเห็นพ้องกับอัยการภาค 7  คือให้ฟ้อง 6 ข้อหา  ส่วนที่ทางตำรวจภูธรภาค 7 ขอให้เพิ่มอีก 3 ข้อหา นั้นก็ตกไป  โดยแยกข้อหาของแต่ละคนดังนี้

นายเปรมชัย  ผู้ต้องหาที่ 1  สั่งฟ้องข้อหา  ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต  , ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาติ   , ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต   , ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า   ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย   และ ร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาติ

นายยงค์  โดดเครือ  ผู้ต้องหาที่ 2  สั่งฟ้องข้อหา  ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองดดยไม่ได้รับอนุญาติ  ,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาติ   ,ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  , ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย   ,ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาติ

นางนที   สั่งฟ้องข้อหา   ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ  , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต    ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต   , ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย   ,ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาติ

นายธานี  สั่งฟ้องข้อหา    ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,  ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน  หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ   ,  ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ  , ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ฯ  , ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย  , ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ

และเมื่อวันที 27 เม.ย.61  นายเปรมชัย กรรณสูต   ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการภาค 7 ขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานที่อยู่ของนายเปรมชัย ในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วย และขอให้สอบสวนเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก 3 คน รวมทั้งให้สอบสวนบุคคลภายนอกและนายวิเชียร ชิณวงษ์ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 7 พิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารที่นายเปรมชัย ส่งมาประกอบคำร้องขอความเป็นธรรมทั้งการขอให้สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมนั้น คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 7 พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานที่อ้างถึงมิใช่พยานที่เกี่ยวข้องในคดี เป็นเพียงผู้ที่แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนพยานที่เกี่ยวข้องตามประเด็นที่นายเปรมชัยฯ ร้องขอความเป็นธรรมนั้น ได้มีการสอบสวนพยานดังกล่าวไว้แล้ว คำร้องขอความเป็นธรรมของนายเปรมชัย จึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดี ทั้งข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความครบถ้วนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติมตามประเด็นที่นายเปรมชัยฯ ร้องขอความเป็นธรรม

ทั้งนี้อัยการจังหวัดทองผาภูมิได้ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4  คน ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตามคำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการภาค 7 ทันในวันนี้(30 เม.ย. 61)    ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นจำนวนเงิน 3,012,000 บาท

 

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี