เปิดรับฟังความคิดเห็นก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ฝั่งจังหวัดพัทลุง- ฝั่งจังหวัดสงขลาระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 15-20 นาที จากเดิมเกือบ 2 ชั่วโมงระยะทาง 80 กิโลเมตร ร่นระยะทางในการสัญจรไปมาของประชาชนทั้ง 2 จังหวัด ส่งเสริมการท่องเที่ยว มูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท
วันนี้ 27 มกราคม 2564 ที่โรงแรมศิวารอยัล อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมด้วย ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนชนชาวจังหวัดพัทลุง รับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาความเหมาะ
ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ช่วงบ้านแหลมจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ไปยัง ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ในโอกาสที่เดินทางมาติดตามการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ที่โรงแรมศิวารอยัล อ.เมือง จ.พัทลุง โดยกล่าวว่า ขณะนี้ มีความคืบหน้าไปมาก เพราะการทำวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ.ได้ดำเนินการมา 3 ครั้ง และครั้งนี้ เป็นการทำครั้งที่ 4 ถือว่าเป็นรอบสุดท้ายในการทำ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( อีไอเอ.) ซึ่งจะนำผลเข้าสู่อนุกรรมการสิ่งแวดล้อม โดยทุกด้านที่ได้ทำการศึกษาผลกระทบ ทั้งเรื่องของโลมาอิรวดี ผลกระทบนกนางแอ่น หรือ ผลกระทบต่อประชาชนในช่วงของการก่อสร้าง ขณะนี้ ค่อนข้างจะสมบูรณ์ทั้ง 4 ด้าน ครอบคลุมทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้ งานวิจัยจะออกมาเป็นรูปเล่ม และจะส่งไปยังอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
จากการโครงการดังกล่าว ประชาชนและผู้นำท้องถิ่นทั้ง 2 จังหวัด เรียกร้องให้มีการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาแห่งนี้มากว่า 20 ปี จากบริเวณพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านแหลมจองจองถนน ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ไปยังพื้นที่หมูที่ 2 บ้านแหลมยาง ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อร่นระยะทางในการสัญจรไปมาของประชาชนทั้ง 2 จังหวัด ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการอพยพประชาชนหากเกิดเหตุภัยพิบัติขนาดใหญ่ ซึ่งปกติการเดินทางต้องใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง แต่หากมีการก่อสร้างสะพานดังกล่าว จะสามารถร่นระยะทางได้ประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น
ดร.นาที กล่าวว่า เป็นเรื่องของงบประมาณ ซึ่งจริงๆ แล้ว ครม.ได้อนุมัติไปแล้วในเรื่องของการสร้าง โดยหลังจากที่ผ่านอนุกรรมการสิ่งแวดล้อม จะส่งไปยังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หลังจากนั้นจะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เพื่ออนุมัติงบประมาณ ซึ่งความคาดหวังอยู่ที่ สส.ในสภาผู้แทนราษฎร ว่า จะผ่านงบประมาณหรือไม่ คงต้องรอลุ้นกันต่อไป
