คืบหน้า เจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัช ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ค้น 5 จุด จับเครื่องสำอาจไม่ได้คุณภาพเจ้าหน้าที่สอบเบี้องต้นพบสารอันตรายสารสเตียรอยด์
วันนี้ 12 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัช สำนักสาธารณาสุขจังหวัดพัทลุง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำโดย พ.ต.อ. กู้เกียรติ วงศ์พันธุ์ ผกก. 4 บก.สอท.5 และ พ.ต.ต.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านและห้องเช่าผู้ต้องหานางสาวนันยณา ขุนณรงค์ อายุ 40 ปี จำนวน 5 จุด หลังจากประชาชนได้ร้องเรียนเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัช สำนักสาธารณาสุขจังหวัดพัทลุง วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาว่าบุคคลดังกล่าวจำหน่ายผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาจไม่มีคุณภาพ และใช้เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ของบุคคลอื่นบนผลิตภัณฑ์ของผู้ต้องหา ชื้อขายผ่านทางออนไลน์และเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจค้นสถานที่ผลิตเครื่องสำอาง และพบสินค้าจำนวนมาก
ล่าสุดเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัช สำนักสาธารณาสุขจังหวัดพัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้นำของกลางทั้งหมดมาตรวจนับ ทั้งสารตั้งต้นและหัวเชื้อผสมผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์สบู่ เครื่องสำอาง อุปกรณ์ในการผลิตเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำเร็จรูปประเภทครีมทาหน้า ครีมกันแดด โลชั่น แถลงข่าวหน้าสำนักงานสาธารณาสุขจังหวัดพัทลุง จากของกลางดังกล่าวผลิตภัณฑ์ครีม ปริมาณน้ำหนักสุทธิ 50 กรัม ต้นทุนผลิตแค่ 50 – 65 บาท แต่เมื่อนำไปจำหน่ายแล้วจะจำหน่ายราคาตลับละตั้งแต่ 590 – 690 บาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์ประเภทสบู่ปริมาณ 100 กรัม ต้นทุนแค่ 10 บาท จำหน่ายในราคา 179 บาท ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่มีคุณภาพ และจากการสอบสวนเบี้องต้นผู้ต้องหาพบว่า ในผลิตภัณฑ์มีสารสเตียรอยด์ ชนิดหนึ่ง ที่ทำให้หน้าขาวนวล ซึ่งเป็นต้องห้ามใช้ในเครื่องสำอาง
ทางด้านนายณัษฐ์พงษ์ พัฒนพงศ์ เภสัชกรเชี่ยวชาญกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สสจ.พัทลุง กล่าวว่าจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ผู้ต้องหาเบื้อง รับของกลางดังกล่าวเป็นของตนจริงที่ผลิตตามคำสั่งของลูกค้าทั้งในและต่างจังหวัด โดยมีการจัดซื้อสารตั้งต้นในการผลิตเครื่องสำอางจากบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้วนำมาผสมกับสารอื่นๆตามสูตรของตน นำมาบรรจุในกระปุก และปิดฉลากบรรจุภัณฑ์ เป็นแบรนด์ของตัวเอง แล้วส่งขายให้แก่ลูกค้าตามคำสั่งซื้อทางออนไลน์ และลูกค้าทั่วๆไป ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่มีคุณภาพ และพบว่าในผลิตภัณฑ์มีสารสเตียรอยด์ ชนิดหนึ่งที่ทำให้หน้าขาวนวล ซึ่งเป็นต้องห้ามใช้ในเครื่องสำอาง นอกจากนั้นมีประสบการณ์ทางด้านจัดทำเครื่องสำอางในช่วงที่ทำงานอยู่กับคลินิกทำความงามแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หลังจากนั้นได้นำความรู้ ประสบการณ์มาเปิดกิจการของตนเองจนมีฐานะมั่นคง เนื่องจากต้นทุนเครื่องสำอางมีต้นทุนต่ำ เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นเพราะออกฤทธิ์รวดเร็ว แต่จะส่งผลให้ผิวหน้ามีผื่นดำในภายหลัง จนนำไปสู่การร้องเรียนต่อ สสจ.พัทลุง
จากนั้นได้นำผู้ต้องหาและของกลางไปส่งให้ พ.ต.ท.ศิริพงศ์ สุขแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ดำเนินการตามข้อหาฐานความผิดตาม พรบ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 และ ความผิดตาม พรบ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ต่อไป
