จากกรณีเหตุอุ้มฆ่าและมีคนพบศพ น้องก้อย อายุ 29 ปี มีผู้พบศพที่ถูกนำมาทิ้งที่ถูกฆ่าห่อศพด้วยผ้าปูที่นอนมัดเชือกทิ้งริมคลองบ้านสะพานหยี ล่าสุดสาวผู้ต้องหา 2 ใน 3 กลุ่มผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่า ขณะสามีนายเจมส์ยังหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า จากกรณีเหตุอุ้มฆ่าและมีคนพบศพ นางสาวจิราพร เพ็ชรรัตน์ หรือ น้องก้อย อายุ 29 ปี ชาว ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง และมีผู้พบศพที่ถูกนำมาทิ้งที่ถูกฆ่าห่อศพด้วยผ้าปูที่นอนมัดเชือกทิ้งริมคลองบ้านสะพานหยี หมู่ที่ 6 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ซึ่งต่อมาทางตำรวจได้เร่งคลี่คลายคดีและนำไปสู่การออกหมายจับนายสุนันท์ (เจมส์) จิตภักดี และ น.ส.ยุวเรศ (หมวย) กลศึก สองสามีภรรยา และนายชิษณุพงศ์ (ต้น) เพชรชี อายุ 25 ปี
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 65 นายชิษณุพงศ์ เพชรชี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 3 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุงที่ 274/2564 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ของ สภ.เมืองพัทลุง ได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.ตานิตย์ รามแก้ว ผบก.ภ.จว.พัทลุง โดยในขั้นต้นนายชิษณุพงศ์ฯได้ให้การภาคเสธ ในขณะที่ทางด้านตำรวจชุดปราบปรามมีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ออกไล่ล่า 2 สามีภรรยาอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 65 ที่งานสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง นางสาวยุวเรศ กลศึก อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244 หมู่ที่ 8 ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุงผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุง ที่ จ.256/2564 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2564 พร้อมญาติและทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง และ พ.ต.ท.หาญพล รามด้วง รอง ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง
โดยในเบื้องต้นนางสาวยุวเรศ ฯได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในขณะที่ทาง ตร.ได้คัดค้านการประกันตัว
ต่อมาที่ศูนย์ปฏิบัติการ สภ.เมืองพัทลุง พล.ต.ต.ตานิตย์ รามแก้ว ผบก.ภ.จว.พัทลุง พร้อมพวก ได้นำตัว น.ส.ยุวเรศฯมาสอบปากคำ และถามรายละเอียดของการปล่อยหนี้เงินกู้โหดจนนำไปสู่การลงมือสังหารโหดดังกล่าว ในขณะเดียวกันทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการตรวจยึดรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุร้ายซึ่งเป็นรถยนต์อีซูซุ 4 ประตู สีขาวในครั้งนี้ด้วย จึงได้นำตัวผู้ต้องหารายนี้ไปดำเนินการตามกฎหมายตามความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตรjตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และฐานความผิดอื่นที่ระบุไว้ด่านหลังหมายจับ
