เมื่อวันนี้ (5 เมษายน 2565) ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน 11 จังหวัดภาคใต้รับมือฝน พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่า ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 5 – 8 เมษายน 2565
ขณะที่พื้นที่จังหวัดพัทลุงมีฝนตกหนักเกือบทุกพื้นที่ ตั้งแต่เช้าโดยเฉพาะอำเภอริมเทือกเขาบรรทัด อำเภอกงหรา อำเภอตะโหด อำเภอศรีนครินทร์ และ อำเภอศรีบรรพต และฝนได้ตกต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำสะสมบนภูเขาจำนวนมากและไหลหลากลงมาตามน้ำตกต่างๆ ในพื้นที่ของอำเภอกงหรา และอำเภอศรีนครินทร์ ซึ่งทั้ง 2 อำเภอดังกล่าวได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อยู่อาศัยริมภูเขาและบริเวณท้ายน้ำของน้ำตก ระวังระมัดอันตรายซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
ขณะพื้นที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ อ.ศรีบรรพต ที่ไหลลงลุ่มน้ำคลองท่าแนะ ทำให้น้ำล้นสปริงเวย์ฝายที่แนะ ท้องที่ ต.เขาย่า อยู่ที่ 30 ซม.ฝายท่าแนะต้องเร่งระบายน้ำเปิดประตูน้ำเพิ่ม1 บาน ที่ 100 ซม.เนื่องจากฝนยังตกหนัก ทำให้น้ำเอ่อล้นลำคลองพื้นที่ท้ายฝาย ต.ชะมวง ต.ควนขนุน ต.มะกอกเหนือ ต.ปันแต และ ต.แหลมตะโหนด โดยเฉพาะชาวบ้าน ม.7 บ้านท่าโพธิ์ ต.ควนขนุน ต้องเร่งอพยพสิ่งของขึ้นที่สูง เนื่องจากน้ำเอ่อล้นจากลำคลองท่วมบ้านเรือน หลายสิบหลัง และได้รับความเดือดร้อน
ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่งในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม อ่างเก็บน้ำเขื่อนวังเลน และอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ปริมาณน้ำที่ไหลหลงอ่างมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดทำให้ระดับน้ำเริ่มล้นปริง เวย์แล้วเช่นกัน ทำให้ทางจังหวัดตรียมความพร้อมรับมือ ในพื้นที่ลุ่มท้ายอ่าง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที รวมทั้งประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
