“ บิ๊กโจ๊ก “ ส่งชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ จ.พัทลุง หลังตรวจพบเส้นทางการโอนเงินของสหกรณ์ฯไปยัง จนท.รัฐบางรายและผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ เป็นจำนวนมาก
(14 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าว รายงานว่า จากกรณีเกิดการทุจริตในสหกรณ์ตำรวจพัทลุงทำให้เกิดความเสียหายประมาณ 1,500 ล้านบาท มีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา 27 ราย ยึดทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 1,003,753,140.-บาท ส่วนผู้ต้องหา 26 ราย ได้นำส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการจังหวัดฯแล้ว ในส่วนของ ปปง.มีการยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาไปกว่า 149 ล้านบาท ทางด้านคณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. จะมีการประชุมการพิจารณายุดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาครั้งสำคัญในปลายเดือน ธันวาคม 2665 นี้ ส่วนอัยการได้นัดให้กลุ่มผู้ต้องหามารับฟังการพิจารณาการฟ้องในวันที่ 26 ธันวาคม 2565 นอกจากนั้นคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯได้ไล่ออกเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ 1 ราย ที่มีพฤติกรรมกระทำความผิดที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์ เที่ยงธรรม ฯลฯ ล่าสุดได้พบเส้นทางการเงินการโอนเงินของสหกรณ์ฯไปยังผู้ จนท.รัฐบางรายที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า เมื่อตอนเที่ยงวันที่ 13 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ทางด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งของ สตช.จำนวน 12 นาย ลงพื้นที่ จ.พัทลุง ทั้งนี้ เพื่อขยายผลการทุจริตของผู้ต้องผู้ต้องหาที่เป็น จนท.รัฐคนหนึ่ง และส่งสำนวนการสอบสวนส่งฟ้องต่ออัยการภาค 9 สงขลา การสอบปากคำผู้ต้องหาตามคำสั่งของอัยการจังหวัดเพิ่มเติม รวมทั้งการสอบปากคำผู้ต้องหารายสำคัญเพิ่มเติม เพื่อส่งให้คณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. พิจารณาการยึดทรัพย์ครั้งสำคัญในปลายเดือน ธันวาคม 2565 นี้
อย่างไรก็ตามในเวลาประมาณ 17.00 น.วันที่ 13 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ชุดสืบสวนสอบสวนของ สตช.ได้เชิญตัวนางณัฐภัส พรหมมาก ผู้จัดการสหกรณ์ตำรวจฯคนปัจจุบันมา สอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากได้พบเส้นทางการเงินที่มีการโอนเงินจากสหกรณ์ฯไปยัง จนท.รัฐบางรายที่เป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว รวมทั้งการโอนเงินจากสหกรณ์ฯไปให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯแต่อย่างใด ซึ่งการโอนเงินดังกล่าวนี้ชุดสืบสวนสอบสวนของ สตช.ได้พบหลักฐานการกระทำความผิดที่ชัดแจ้งในระหว่างปี พ.ศ. 2560-2563 โดยพบว่าการกระทำความผิดดังกล่าวจะเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงสิ้นเดือนและในช่วงการประชุมสามัญประจำปีที่ผ่านมา ในส่วนของผู้ต้องหารายสำคัญคนหนึ่งได้ถอนเงินจากสหกรณ์ฯหลังจากตกเป็นผู้ต้องหาไปเป็นจำนวน 1 ล้านบาท โดยผ่านการพิจารณาเห็นชอบของคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯบางคนนั้น ทางชุดสืบสวนสอบสวนของ สตช.ได้แจ้งให้ ปปง.ได้รับทราบแล้วเช่นกัน พร้อมทั้งงุนงงสงสัยกับการถอนเงินในครั้งนี้ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามในการโอนเงินจากสหกรณ์ฯไปยังบุคคลภายนอกในช่วงสิ้นเดือน และในช่วงการประชุมสามัญประจำปีนั้น ในเบื้องต้นพบว่าน่าจะมีกลุ่มบุคคลดังกล่าวมากกว่า 3 ราย ส่วนจำนวนเงินที่โอนเงินให้กับ จนท.รัฐบางคนที่ตกเป็นผู้ต้องหา และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานสหกรณ์ฯนั้นในเบื้องต้นพบความเสียหายแล้วเป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งจากนี้ในช่วงเวลาประมาณ 4-5 วัน ทางตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนก็จะได้ตรวจสอบเส้นทางการโอนเงินกับธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อขยายผลเส้นทางการเงิน จำนวนเงิน ที่โอนให้กับผู้ต้องหาที่เป็น จนท.รัฐ และกลุ่มบุคคลภายนอกที่แท้จริงต่อไป เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงในกรณีที่บุคคลภายนอกที่มาร่วมทุจริตในครั้งนี้เป็น จนท.รัฐหรือไม่นั้น ทางด้านนักงานสอบสวนได้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าว ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: