พระนครศรีอยุธยา-สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวชวนวิศวกรด้านไฟฟ้าและภาคเอกชนลงเรือสำรวจสองฝังแม่น้ำเจ้าพระยาป่าสัก หวังผลักดันไฟส่องวัด ดึงนักท่องเที่ยวค้างคืนชมความงามมรดกโลก หวังจังหวัดฯ ให้ความสนใจ
นายมนัส ทรัพย์มีชัย กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอิทธิพันธ์ ขาวละมัย พร้อมด้วยวิศวกรไฟฟ้า และภาคธุรกิจเอกชน ท่องเที่ยวทางน้ำ ได้ลงเรือจากร้านอาหารเดอริว่า เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก เพื่อสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวทางน้ำรอบเกาะพระนคร อีกทั้งยังเป็นการสำรวจเส้นทางที่จะมีการผลักดันติดตั้งไฟส่องสว่างให้กับวัดสำคัญริมแม่น้ำ รวมทั้งบริเวณจุดที่น่าสนใจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือชมความงามในช่วงค่ำ ซึ่งการสำรวจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
นายมนัส เปิดเผยว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีศักยภาพและต้นทุนด้านการท่องเที่ยวที่ได้เปรียบมากกว่าหลายจังหวัดในภาคกลาง ทั้งความได้เปรียบจากการอยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร ที่ไม่ต้องเดินทางไกล อีกทั้งยังมีอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นมรดกโลกที่ได้รับความสนใจอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวคาดหวัง คือการเดินทางมาเที่ยวชมความงามของโบราณสถานและไฟส่องสว่างยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นเกาะเมืองหรือล่องเรือรับประทานอาหารชมความงามของวัดต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคิดว่า จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวได้มาค้างคืน และชมความงามยามค่ำคืน ซึ่งนอกจากนี้ความสว่างในเกาะเมืองก็เป็นสิ่งสำคัญ หากมีแสงสว่างในเส้นทางที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวในยามค่ำคืน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวพักค้างแรมได้ เพียง 1 คืนก็ถือว่าเราจะได้ประโยชน์มากแล้ว เช่นมีไฟส่องสว่างตามถนนรอบโบราณสถาน บึงพระราม พระเจ้าอู่ทอง วิหารพระมงคลบพิตรมีไฟส่องสว่าง ที่สำคัญการท่องเที่ยวในช่วงค่ำคืนบรรยากาศยังเย็นสบายด้วย
ในการสำรวจเส้นทางครั้งนี้พบว่ามีวัดที่เหมาะสมกับการติดตั้งไฟส่องสว่างโบราณสถานและตัวสถาปัตยกรรมที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและป่าสักหลายวัด เช่นวัดพิชัยสงคราม วัดกล้วย วัดบางกะจะ วัดนางกุย วัดขุนพรหม มัสยิดริมแม่น้ำเจ้าพระยา พระปรางค์วัดพุทไธศวรรย์ วัดกลางรามัญ มัสยิดอามาดิยะอุซอรีอะ วัดสนามไชย วัดกษัตราธิราชวรวิหาร และวัดธรรมาราม ซึ่งบางจุดก็มีการติดตั้งไฟบ้างแล้วเช่นวัดนักบุญโยแซฟ ป้อมเพชร เป็นต้น 
อย่างไรก็ตามขณะนี้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดฯ และสมาคมธุรกิจธุรกิจท่องเที่ยว ก็พยายามที่จะของบประมาณจากส่วนกลางลงมายังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในการสนับสนุนการติดตั้งไฟตามเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยว แต่ก็จะต้องประมาณการค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาใช้มากกว่า 61 ล้านบาท และต้องหารือในเรื่องงบประมาณสนับสนุนประจำในเรื่องค่าไฟฟ้า เนื่องจากที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง ค่าไฟที่ติดตั้งแต่ละแห่งมีมูลค่าต่อเดือนสูง ทำให้จังหวัดฯค้างค่าไฟฟ้า จนต้องมีการทอดผ้าป่าเพื่อใช้หนี้ค่ากระแสไฟฟ้า ทั้งนี้หากผู้ว่าราชการจังหวัดฯมีการหารือกับภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวฯ หรือหอการค้าฯ ก็จะมีทางออกในเรื่องการจัดการ และสามารถผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวในเวลากลางคืน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาค้างแรมมากขึ้นต่อไป
